ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนกล่าวหลังการหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพบกสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) ว่า เขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับวอชิงตันอย่าง "ซื่อสัตย์" ในแผนยุติสงครามในยูเครน ขณะที่บรรดาพันธมิตรยุโรปคัดค้านการกำหนดเงื่อนไขให้ยูเครนต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้รัสเซีย
ตามแผนที่สหรัฐฯ เสนอ เคียฟจะต้องสละพื้นที่ดอนบาสทั้งหมดและลดขนาดกองทัพลงอย่างมาก ซึ่งพันธมิตรของยูเครนมองว่าสถานการณ์นี้เทียบเท่ากับการยอมจำนน
แผนดังกล่าวระบุว่า ยูเครนจะต้องจำกัดกำลังพลให้เหลือเพียง 600,000 นาย และจะได้รับ "การค้ำประกันความมั่นคงที่เข้มแข็ง" โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
แผนนี้ยังผ่อนปรนเงื่อนไขหลายประการให้กับรัสเซีย รวมถึงพื้นที่ไครเมีย ลูฮันสก์ และโดเนตสก์ ซึ่งจะได้รับการยอมรับจากสหรัฐฯ ว่าเป็นของรัสเซียโดยพฤตินัย และกองกำลังยูเครนจะต้องถอนกำลังออกจากบางส่วนของภูมิภาคโดเนตสก์ที่พวกเขายังควบคุมอยู่
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนหนึ่งกล่าวว่า "แผนนี้จัดทำขึ้นทันที หลังจากการหารือกับ รุสเตม อูเมรอฟ หนึ่งในสมาชิกอาวุโสสูงสุดของรัฐบาลประธานาธิบดี เซเลนสกี ซึ่งเห็นด้วยกับแผนดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่ หลังจากมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง และได้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อประธานาธิบดี เซเลนสกี"
ด้าน เซเลนสกี ซึ่งสำนักงานของเขาระบุว่าได้เห็นร่างแผนดังกล่าวแล้ว กล่าวหลังจากการประชุมร่วมกับ แดเนียล ดริสคอลล์ รัฐมนตรีทบวงทหารบกสหรัฐฯ ที่กรุงเคียฟว่า ยูเครนและสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกันในรายละเอียดของแผน
“ทีมงานของเรา ทั้งยูเครนและสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ ของแผนเพื่อยุติสงคราม” เซเลนสกี โพสต์บนเทเลแกรม “เราพร้อมสำหรับการทำงานที่สร้างสรรค์ ซื่อสัตย์ และรวดเร็ว”
สำนักงานของ เซเลนสกี ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับเนื้อหาของแผน 28 ประเด็น ซึ่งยังไม่ได้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่ย้ำว่าผู้เครนได้ “สรุปหลักการพื้นฐานที่สำคัญต่อประชาชนของเรา”
“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประธานาธิบดียูเครนคาดว่าจะหารือกับประธานาธิบดี ทรัมป์ เกี่ยวกับโอกาสทางการทูตที่มีอยู่ และประเด็นสำคัญที่จำเป็นต่อการบรรลุสันติภาพ” ถ้อยแถลงจากสำนักงานของ เซเลนสกี ระบุ
แผนที่รอยเตอร์ได้เห็นยังระบุด้วยว่า จะต้องมีการทำข้อตกลงไม่รุกรานระหว่างรัสเซีย ยูเครน และยุโรป และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะไม่ขยายกำลังทหารเพิ่มเติมหรือประจำการทหารในยูเครน และรัสเซียจะกลับเข้าสู่เศรษฐกิจโลกอีกครั้ง โดยมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร "ที่ตกลงกันเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นกรณีๆ ไป"
รัสเซียจะได้รับเชิญให้กลับเข้าร่วมกลุ่ม G8 และสหรัฐฯ จะทำข้อตกลงกับมอสโกที่ครอบคลุมทั้งด้านพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน ปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ข้อมูล และการสกัดโลหะหายากในอาร์กติก
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในการแถลงข่าวว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ได้ทำงานอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับแผนนี้มาประมาณ 1 เดือนแล้ว และทรัมป์ก็สนับสนุนแผนนี้
"แผนนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์ หลังจากสงครามอันเลวร้ายที่ยืดเยื้อมา 3 ปี เพื่อค้นหาสถานการณ์แบบวิน-วินซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าสูญเสีย"
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันไม่ได้ให้ความเห็นอย่างละเอียดเกี่ยวกับแผนการของสหรัฐฯ แต่ระบุว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องใดๆ ที่เคียฟต้องเป็นฝ่ายอ่อนข้ออย่างมาก
ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า "ชาวยูเครนต้องการสันติภาพ สันติภาพที่ยุติธรรมซึ่งเคารพอธิปไตยของทุกคน สันติภาพที่ยั่งยืนซึ่งไม่อาจถูกตั้งคำถามได้จากการรุกรานในอนาคต"
"แต่สันติภาพต้องไม่ใช่การยอมจำนน" เขากล่าว
ที่มา: รอยเตอร์


