xs
xsm
sm
md
lg

สภาคองเกรสผ่านกม.งบประมาณชั่วคราวยุติ 'ชัตดาวน์' ไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข้อตกลงยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเมื่อวันพุธ (12 พ.ย.) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้เริ่มโครงการช่วยเหลือด้านอาหารที่หยุดชะงักอีกครั้ง จ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางหลายแสนคน และฟื้นฟูระบบควบคุมการจราจรทางอากาศที่มีปัญหา

สภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากผ่านร่างกฎหมายนี้ด้วยคะแนนเสียง 222 ต่อ 209 เสียง โดยการสนับสนุนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งช่วยให้พรรคของเขายังคงรวมตัวกันได้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากบรรดา ส.ส.เดโมแครต ซึ่งไม่พอใจที่การเผชิญหน้ากันอันยาวนานของสมาชิกวุฒิสภาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขยายระยะเวลาการอุดหนุนประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางได้

ร่างกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว และทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ จะลงนามประกาศเป็นกฎหมายในวันพุธ (12) เพื่อให้หน่วยงานรัฐกลับมาเปิดทำการตามปกติ

ร่างกฎหมายนี้ขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลางมีหนี้สินเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี จากหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ 38 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

การลงคะแนนเสียงเกิดขึ้น 8 วันหลังจากที่พรรคเดโมแครตชนะศึกเลือกตั้งสำคัญหลายสนาม ซึ่งหลายคนในพรรคเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายระยะเวลาการอุดหนุนประกันสุขภาพซึ่งจะหมดอายุในสิ้นปีนี้ แม้ว่าข้อตกลงนี้จะกำหนดให้มีการลงคะแนนเสียงในวุฒิสภาในเดือน ธ.ค. แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไมค์ จอห์นสัน ไม่ได้ให้สัญญาเช่นนั้นในสภาผู้แทนราษฎร

มิกี เชอร์ริล ส.ส.พรรคเดโมแครตซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์คนต่อไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวคัดค้านร่างกฎหมายงบประมาณในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก่อนที่เธอจะลาออกจากสภาคองเกรสในสัปดาห์หน้า โดยกระตุ้นให้เพื่อนร่วมงานของเธอลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของ ทรัมป์

“ถึงเพื่อนร่วมงานของฉัน: อย่าปล่อยให้องค์กรนี้กลายเป็นตราประทับสีแดงจากรัฐบาลที่พรากอาหารไปจากเด็กๆ และทำลายระบบสาธารณสุข” เชอร์ริล กล่าว

“ถึงประเทศชาติ: จงยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง ดังที่เรามีคำกล่าวในหมู่ทหารเรือว่า อย่ายอมแพ้”

แม้จะมีการโต้แย้งกัน แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองพรรคจะไม่ได้ชัยชนะที่ชัดเจน ผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (12) พบว่าชาวอเมริกัน 50% โทษพรรครีพับลิกันสำหรับการปิดรัฐบาล ขณะที่ 47% โทษพรรคเดโมแครต

การลงมติครั้งนี้เกิดขึ้นในวันแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นการปิดสมัยประชุมที่ยาวนานเพื่อกดดันพรรคเดโมแครต การกลับมาของสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ยังนับเป็นการนับถอยหลังสู่การลงมติให้เปิดเผยบันทึกที่ไม่เป็นความลับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน อดีตนักโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ จอห์นสัน และ ทรัมป์ ต่อต้านมาโดยตลอด

เมื่อวันพุธ (12) จอห์นสัน ได้ทำพิธีสาบานตนให้กับอเดลิตา กริฮาลวา ส.ส.พรรคเดโมแครตซึ่งชนะการเลือกตั้งพิเศษในเดือน ก.ย. เพื่อชิงตำแหน่ง ส.ส. รัฐแอริโซนาที่ว่างลงของ ราอูล กริฮาลวา บิดาผู้ล่วงลับของเธอ เธอได้ลงนามในคำร้องเป็นชื่อสุดท้ายเพื่อบังคับให้มีการลงมติในประเด็นนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตได้เปิดเผยเอกสารชุดใหม่ของ เอปสตีน

นั่นหมายความว่า หลังจากปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการจัดหาเงินทุนให้กับรัฐบาลแล้ว สภาผู้แทนราษฎรก็อาจต้องเริ่มสอบสวนอดีตเพื่อนของ ทรัมป์ อีกครั้ง ซึ่งชีวิตและการเสียชีวิตในเรือนจำในปี 2019 ของ เอปสตีน ได้ก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย

งบประมาณสนับสนุนนี้ยังจะอนุญาตให้ ส.ว. พรรครีพับลิกัน 8 คน เรียกร้องค่าเสียหายหลายแสนดอลลาร์จากการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นผลจากการสอบสวนของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยผู้สนับสนุนทรัมป์ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021

มาตรการนี้ทำให้การเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ของ ส.ว. โดยไม่เปิดเผยเป็นสิ่งผิดกฎหมายในกรณีส่วนใหญ่ และอนุญาตให้ผู้ที่มีประวัติถูกเข้าถึงข้อมูลสามารถฟ้องร้องกระทรวงยุติธรรมเพื่อเรียกค่าเสียหาย 500,000 ดอลลาร์ พร้อมค่าทนายความและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ที่มา: รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น