วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราว ด้วยคะแนน 60-40 ในวันจันทร์ (10 พ.ย.) โดย ส.ว.เดโมแครตบางส่วนแตกแถวร่วมโหวตให้รีพับลิกัน ส่งผลให้การ “ชัตดาวน์” ครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน ใกล้สิ้นสุดลงเต็มที อย่างไรก็ดี ทางด้าน “ทรัมป์” ออกมาด่าพวกเจ้าหน้าที่จราจรทางอากาศที่ขอลาหยุด แม้ถูกกฎหมายบังคับให้ยังต้องทำงานโดยไม่ได้รับเงิน ระหว่างการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางกว่า 40 วันคราวนี้ ว่าเป็นพวก “ไม่รักชาติ”
วุฒิสภาสหรัฐฯลงมติในวันจันทร์ ลงมติด้วยคะแนน 60-40 ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราว ซึ่งจะทำให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางที่ปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติจนถึงวันที่ 30 ม.ค., จ่ายค่าตอบแทนที่ค้างอยู่ให้แก่พวกพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลาง รวมทั้งห้ามปลดพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางจนถึงวันที่ 30 ม.ค. ตลอดจนอัดฉีดเงินสนับสนุนเต็มจำนวนให้แก่โครงการสแนปที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่คนอเมริกันที่มีรายได้ต่ำกว่า 42 ล้านคนจนถึงวันที่ 30 ก.ย.ปีหน้า
ขั้นตอนต่อจากนี้คือ การส่งร่างกฎหมายให้ให้สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันควบคุมเสียงข้างมากเอาไว้ได้ เป็นผู้พิจารณาต่อ โดย ประธานสภา ไมค์ จอห์นสัน เผยว่า ต้องการผลักดันให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบโดยเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นวันพุธ (12 ) และจากนั้นก็ส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ทางด้านทรัมป์ซึ่งแสดงท่าทีพร้อมจะเซ็นรับรองอยู่แล้ว แถลงว่า หน่วยงานรัฐบาลกลางกำลังจะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งในเวลาอันใกล้นี้ พร้อมสำทับว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นเป็นข้อตกลงที่ดีมาก
ส่วน ส.ว.จอห์น ธูน ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เขียนลงบนแพลตฟอร์ม X ภายหลังการลงมติของวุฒิสภาว่า เขารู้สึกยินดีที่สนับสนุน “เส้นทางอันชัดเจนในการยุติการชัตดาวน์ที่ไม่มีความจำเป็นคราวนี้ ในวิถีทางที่แสดงถึงความรับผิดชอบ ซึ่งทำให้มีการจ่ายเงินเดือนโดยเร็วแก่พวกพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลาง และเปิดทำการรัฐบาลกลางสหรัฐฯขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินฉบับนี้ผ่านออกมาได้ พร้อมๆ กับการแตกแยกกันของพวกวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต เมื่อ ส.ว.เหล่านี้ 7 คนบวกกับ ส.ว.อิสระที่เข้าร่วมกลุ่มและมักลงคะแนนแบบเดโมแครตอีก 1 คน แปรพักตร์หันไปหนุนรีพับลิกัน จนทำให้ทางรีพับลิกันสามารถผ่าทางตันเมื่อวันอาทิตย์ ในเรื่องกฎข้อบังคับการประชุม จากที่ต้องได้เสียงถึง 60 เสียงจึงจะพากฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาสูง เหลือเพียงแค่ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งตามปกติ แล้ว ส.ว.เดโมแครตเหล่านี้ยังสำทับอกเสียงให้อีกในวาระอนุมัติร่างกฎหมายนี้เมื่อวันจันทร์
ส.ว.เดโมแครตส่วนน้อยเหล่านี้บอกว่า การชัตดาวน์ยาวนานเช่นนี้สร้างปัญหาให้ประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งในการเจรจาต่อรองกับฝ่ายรีพับลิกัน พวกเขาก็ได้รับคำสัญญาเรื่องการขยายอายุมาตรการคืนภาษีตามรัฐบัญญัติประกันสุขภาพที่ครอบคลุมชาวอเมริกัน 24 ล้านคน ที่กำลังจะสิ้นสุดลงสิน้นปีนี้ ทั้งนี้เรื่องหลังสุดนี้คือประเด็นสำคัญที่สุดที่ทางเดโมแครตเรียกร้องต่อรองกับฝ่ายรีพับลิกันมาโดยตลอด
ทว่า ส.ว.เดโมแครตส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการตกลงประนีประนอมกับรีพับลิกันคราวนี้ เนื่องจากสิ่งที่ได้ออกมาจริงๆ คือคำสัญญาที่รีพับลิกันจะเปิดโอกาสให้สภาพิจารณาอภิปรายเรื่องนี้เท่านั้น ไม่ใช่การตกลงให้ผ่านเป็นกฎหมายออกมาบังคับใช้
นับจากวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการชัตดาวน์ ลูกจ้างรัฐบาลกลางกว่า 1 ล้านคนไม่ได้รับค่าตอบแทน ขณะที่สวัสดิการและบริการต่างๆ ของรัฐบาลเกิดการติดขัดมากขึ้น
ผลกระทบจากการชัตดาวน์ต่อการเดินทางทางอากาศรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยมีเที่ยวบินถูกยกเลิกวันละกว่า 1,000 เที่ยว
ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้ออกมาแถลงขู่ตัดเงินเดือนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศที่ไม่ยอมกลับเข้าทำงานซึ่งถือว่า ไม่รักชาติ และจะแจกโบนัส 10,000 ดอลลาร์ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้รักชาติที่ยอมไปทำงานมากว่า 40 วันแม้ไม่ได้รับค่าตอบแทน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ทำเนียบขาวจะงดจ่ายเงินเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศได้อย่างไร หากหน่วยงานรัฐบาลกลับมาดำเนินการตามปกติ หรือจะนำเงินจากส่วนใดมาจ่ายโบนัส 10,000 ดอลลาร์ที่ทรัมป์เสนอ
ทางด้านทรัมป์ยอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ นิวส์เมื่อคืนวันจันทร์ว่า ยังไม่รู้ว่าจะนำเงินจากที่ใดมาจ่ายโบนัสดังกล่าว แต่จะหามาให้ได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลของไฟลต์อะแวร์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามความเคลื่อนไหวด้านการบิน ระบุว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 2,380 เที่ยว และล่าช้า 8,900 เที่ยวในวันจันทร์ และสายการบินต่างๆ ระบุล่วงหน้าว่า จะยกเลิกเที่ยวบิน 1,100 เที่ยวในวันอังคาร (11 พ.ย.)
นอกจากนั้นแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาครั้งนี้อาจสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า การดำเนินงานของสายการบินจะกลับสู่ภาวะปกติได้เมื่อใด เนื่องจากใกล้ถึงเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าที่คนอเมริกันจำนวนมากจะออกเดินทางในช่วงปลายเดือนนี้
ก่อนหน้านี้ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของอเมริกา (เอฟเอเอ) สั่งลดเที่ยวบินวันละ 4% ในสนามบินใหญ่ 40 แห่งเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (7 พ.ย.) และจะเพิ่มเป็น 6% ในวันอังคาร (11 พ.ย.) และ 10% ในวันศุกร์นี้ (14 พ.ย.) เพื่อรับมือการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ
เมื่อคืนวันจันทร์ เอฟเอเอรายงานว่า แม้ทรัมป์ขู่ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมกลับเข้าทำงาน แต่หน่วยงานจราจรทางอากาศถึงเกือบ 2 ใน 3 ทั่วอเมริกายังคงเผชิญปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ทำงาน
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)


