มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 66 รายหลังจากพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี (Kalmaegi) สร้างความเสียหายอย่างหนักในพื้นที่ตอนกลางของฟิลิปปินส์ และยังคงพัดถล่มบางส่วนของเกาะปาลาวันในวันพุธ (5 พ.ย.) ขณะที่กำลังมุ่งหน้าออกสู่ทะเลจีนใต้
ยอดผู้เสียชีวิตรวมถึงทหาร 6 นายซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เมืองอากูซันเดลซูร์บนเกาะมินดาเนา ระหว่างปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรม
ภาพความเสียหายเห็นได้ชัดที่จังหวัดเซบู (Cebu) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยระดับน้ำท่วมที่ลดลงเผยให้เห็นบ้านเรือนที่ถูกทำลาย รถยนต์พลิกคว่ำ และเศษซากต่างๆ จำนวนมาก
หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยรายงานว่ามีผู้สูญหาย 26 ราย และได้รับบาดเจ็บ 10 ราย
ความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีหรือที่เรียกกันในท้องถิ่นว่า "ติโน" เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ทางตอนเหนือของเซบู ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบคน และทำให้ผู้คนหลายพันคนไร้ที่อยู่อาศัย
ไต้ฝุ่นคัลแมกีซึ่งอ่อนกำลังลงหลังจากขึ้นฝั่งเมื่อเช้าวันอังคาร (4) คาดว่าจะกลับมามีกำลังแรงอีกครั้งระหว่างที่เคลื่อนตัวเหนือทะเลจีนใต้ ตามรายงานของสำนักงานสภาพอากาศ PAGASA ของฟิลิปปินส์
ทางการได้สั่งอพยพประชาชนกว่า 200,000 คนในภูมิภาคหมู่เกาะวิซายัน รวมถึงบางส่วนทางตอนใต้ของเกาะลูซอนและตอนเหนือของเกาะมินดาเนา ก่อนที่พายุลูกนี้จะพัดถล่มบ้านเรือนจนทำให้เกิดน้ำท่วม และไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
คัลแมกีซึ่งเป็นพายุลูกที่ 20 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ ด้วยความเร็วลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรงถึง 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการรับมือก่อนที่มันจะพัดขึ้นฝั่งในราวๆ วันศุกร์นี้ (7)
เมื่อเดือน ก.ย. ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาซึ่งพัดถล่มทางตอนเหนือของลูซอนทำให้โรงเรียนและหน่วยงานราชการต้องปิดทำการ โดยพายุลูกนี้ทำให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก
ที่มา: รอยเตอร์


