รัฐมนตรีกระทรวงสงครามสหรัฐฯ พีท เฮกเซธ เผยในวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) วอชิงตันและอเมริกาตกลงสร้างช่องทางติดต่อระหว่างกองทัพ พร้อมออกปากระบุความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองไม่เคยดีเท่านี้มาก่อน ทว่าก่อนหน้านั้นวันเดียว บิ๊กเพนตากอนผู้นี้ได้ป่าวร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสริมสร้างกองกำลังทางทะเลเพื่อต่อต้านสิ่งที่เขากล่าวหาว่าเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ของจีน รวมทั้งยังเสนอจัดตั้งกองกำลังเฝ้าระวังทางทะเลและระบบตอบโต้เร็วเพื่อป้องปรามการยั่วยุ
เฮกเซธ นายใหญ่เพนตากอน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปลี่ยนชื่อกระทรวงในความดูแลของเขาจากกระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงสงครามเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” ในวันอาทิตย์ หลังพบกับต่ง จิว์น รัฐมนตรีกลาโหมจีนเมื่อคืนวันเสาร์ (1) ข้างเคียงการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มาเลเซีย ว่า ตนและต่งเห็นพ้องว่า สันติภาพ เสถียรภาพ และความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและเคารพกันและกันเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกาและจีน และควรจัดตั้งช่องทางการสื่อสารระหว่างทหารกับทหารเพื่อแก้ไขความขัดแย้งและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
เฮกเซธเสริมด้วยว่า ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และต่างเห็นว่า ความสัมพันธ์อเมริกา-จีนไม่เคยดีเท่านี้มาก่อน และบอกอีกว่า การเจรจาหารือระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในเกาหลีใต้ เมื่อสัปดาห์ที่ที่ผ่านมา “เป็นการกำหนดน้ำเสียงเพื่อสันติภาพและความสำเร็จอันยืนยาวสำหรับสหรัฐฯและจีน”
ทางด้านปักกิ่งไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ มีเพียงคำแถลงจากกระทรวงกลาโหมที่ออกมาภายหลังการประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งระบุว่า ต่งกล่าวกับเฮกเซธว่า จีนและอเมริกาควรส่งเสริมการหารือระดับนโยบายเพื่อเพิ่มความไว้วางใจและขจัดความไม่แน่นอน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ทางทหารที่เท่าเทียม เคารพกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และภายใต้การส่งเสริมที่ดีและมั่นคง
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปีนี้ เฮกเซธเคยออกมากล่าวหาว่า จีนกำลังเตรียมการใช้กำลังทหารเพื่อเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในเอเชีย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ปักกิ่งแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
ในวันเสาร์ (1) หรือเพียง 1 วันก่อนที่เฮกเซธจะโพสต์ข้อความดังกล่าวข้างต้น เขายังไปกล่าวระหว่างการประชุมกับบรรดารัฐมนตรีกลาโหมของอาเซียน โดยเรียกร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยึดมั่นและเสริมสร้างกองกำลังทางทะเลเพื่อต่อต้านการบ่อนทำลายเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ของแดนมังกร
นายใหญ่เพนตากอนวิพากษ์โจมตีว่า จีนประกาศความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ แต่กลับอ้างสิทธิ์อธิปไตยในทะเลจีนใต้ ก่อนสำทับว่า อเมริกาส่งเสริมสันติภาพและไม่อยากขัดแย้งกับใคร แต่ต้องการมั่นใจว่า จีนไม่ได้พยายามบ่อนทำลายประเทศอื่นๆ
ทะเลจีนใต้ยังคงเป็นหนึ่งในจุดร้อนที่อ่อนไหวที่สุดในเอเชีย โดยจีนนั้นอ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำแห่งนี้เกือบทั้งหมด ขณะที่รัฐสมาชิกหลายรายของอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ก็อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่บริเวณชายฝั่งและลักษณะทางภูมิประเทศบริเวณชายฝั่งบางส่วนในทะเลจีนใต้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรือของฟิลิปปินส์ที่เป็นพันธมิตรสำคัญของอเมริกา ได้ปะทะกับเรือหน่วยยามฝั่งจีนบ่อยครั้ง
เฮกเซธยังวิจารณ์ว่า คำแถลงของปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ให้สันดอนสการ์โบโรห์ที่ยึดไปจากฟิลิปินส์ในปี 2012 เป็น “เขตอนุรักษ์ทางธรรมชาติ” เป็นการข่มขู่และเพิ่มการอ้างสิทธิ์อธิปไตยโดยที่ชาติสมาชิกอาเซียนเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องให้อาเซียนเร่งสรุปเกี่ยวกับเอกสารแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ นอกจากนั้นเขาเสนอให้จัดตั้งกองกำลังเฝ้าระวังทางทะเลร่วมกันและระบบตอบโต้เร็วเพื่อป้องปรามการยั่วยุ
เฮกเซธยังสนับสนุนแผนการซ้อมรบร่วมทางทะเลระหว่างอเมริกากับอาเซียนในเดือนหน้าเพื่อกระชับความร่วมมือในภูมิภาคและส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน
ด้านบริดเจ็ต เวลช์ นักวิเคราะห์การเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้ว่า ข้อความที่ขัดแย้งกันเช่นนี้ของเฮกเซธ ตอกย้ำความพยายามของวอชิงตัน ในการรักษาสมดุลระหว่างการป้องปรามกับแนวทางการทูต
ทางฝั่งจีนนั้นปฏิเสธคำวิจารณ์ของอเมริกา โดยกล่าวหาตอบโต้วอชิงตันว่า เป็นชาตินอกภูมิภาคที่พยายามแทรกแซงกิจการในภูมิภาค รวมทั้งยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดด้วยการประจำการทางทหาร
เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่า การที่ฝ่ายตนออกตรวจการณ์และสร้างสิ่งปลูกสร้างในทะเลจีนใต้ มีความชอบธรรมทางกฎหมาย และมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงในดินแดนของจีน
เถียน จุนลี่ โฆษกของกองบัญชาการยุทธบริเวณด้านใต้ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ยังโจมตีฟิลิปปินส์ว่าเป็น “ตัวสร้างปัญหา” หลังจากมะนิลาซ้อมรบทางทะเลและอากาศร่วมกับอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ในทะเลจีนใต้ระหว่างวันพฤหัสฯ(30 ต.ค.) และศุกร์ที่ผ่านมา (31) และสำทับว่า กิจกรรมดังกล่าวบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างรุนแรง
(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี)


