การฟื้นทดสอบนิวเคลียร์ในสหรัฐฯจะใช้เวลาหลายปีและมีค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ อ้างถึงพวกผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่แหล่งทดสอบเนวาดา สถานที่ที่อเมริกาทำการทดสอบนิวเคลียร์หนสุดท้ายถูกระเบิดทำลายไปเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน และตอนนี้มีแค่การจำลองทางคอมพิวเตอร์แทนการจุดชนวนระเบิดจริงๆ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงกลางสัปดาห์ แถลงว่าได้สั่งการให้กระทรวงสงคราม "เพนตากอน" เริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ บนพื้นฐานความเท่าเทียมกับรัสเซียและจีน ประกาศให้เตรียมการสำหรับเริ่มดำเนินการในทันที
ไม่ชัดเจนว่าเขาหมายถึงการจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 ประเทศต่างไม่ได้ทำการทดสอบมานานหลายทศวรรษแล้ว ขณะที่มอสโกเตือนว่าการทดสอบนิวเคลียร์ใดๆของสหรัฐฯจะกระตุ้นให้พวกเขาตอบโต้ด้วยการทดสอบแบบเดียวกัน
วอชิงตันโพสต์ชี้ว่าถ้าสหรัฐฯเดินหน้า ภารกิจจะไม่ถูกมอบหมายให้เพนตากอน แต่จะเป็นกระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะสำนักงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ(NNSA) ซึ่งดูแลแหล่งทดสอบเนวาดา อย่างไรก็ตามพวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการคืนชีพการทดสอบใดๆจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
เออร์เนสต์ โมนิซ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงพลังงานในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประเมินว่า แม้กระทั่งเป็นการจุดชนวนระเบิดโดยไม่คำนึงถึงการรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ก็อาจจะใช้เวลานานหลายปีในการเตรียมการ ขณะที่ โครีย์ ฮินเดอร์สเตน อดีตเจ้าหน้าที่ของ NNSA บอกว่าทางหน่วยงานจำเป็นต้องขุดหลุมแกนตั้งใหม่ ที่ต้องใช้เงินทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์
พอล ดิคแมน เจ้าหน้าที่ด้านนิวเคลียร์ เตือนว่าสหรัฐฯอาจประสบปัญหาในการหาบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านการทดสอบภาคปฏิบัติ เขากล่าวว่าความสามารถด้านสั่งการทดสอบ ไม่ใช่กลุ่มคนข้าราชการที่ถนัดแต่พาวเวอร์พอยต์ แต่จำเป็นต้องเป็นคนที่ผ่านการลงมือทำและมีประสบการณ์มากมาย
ที่ผ่านมา วอชิงตันพึ่งพิงมาช้านานต่อการจำลองทางคอมพิวเตอร์และการทดลองจำลองปฏิกิริยานิวเคลียร์ โดยไม่ก่อให้เกิดการระเบิดจริง เพื่อคงไว้ซึ่งความมั่นใจที่มีต่อสต๊อกนิวเคลียร์ของประเทศ โดยหนสุดท้ายที่อเมริกาทำการทดสอบนิวเคลียร์ เกิดขึ้นในปี 1992
คำสั่งของทรัมป์ เกิดขึ้นสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่แจ้งว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบนิวเคลียร์ล้ำสมัย นั่นคือขีปนาวุธร่อนบูเรเวสต์นิกและโดรนใต้น้ำโพไซดอน
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)


