ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวภายหลังการพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสี จินผิง ของจีนในวันนี้ (30 ต.ค.) ว่า เขาเห็นชอบที่จะลดอัตราภาษีศุลกากรให้แก่จีนลงมา 10% เหลือ 47% เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ปักกิ่งตกลงหวนกลับมาซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ, รับปากที่จะยังคงให้การส่งออกแรร์เอิร์ธดำเนินต่อไป, และปราบปรามกวาดล้างการค้าสารเสพติดเฟนทานิลอย่างผิดกฎหมาย
“ผมคิดว่ามันเป็นการพบปะหารือกันที่เลอเลิศเหลือเชื่อ” และทั้งสองฝ่ายสามารถ “ตกลงกันได้ในสิ่งต่างๆ มากมาย” ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินประจำตำแหน่ง “แอร์ฟอร์ซวัน” ที่กำลังเดินทางออกจากเมืองปูซาน ของเกาหลีใต้ ไม่นานหลังการเจรจาหารือสิ้นสุดลง ทั้งนี้ทรัมป์ขยายความว่า อัตราภาษีที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากสินค้าเข้าของจีน จะลดลงเหลือ 47% จากระดับ 57% ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการตอบแทนที่แดนมังกรจะเร่งรัดการปราบปรามขัดขวางไม่ให้พวกสารตั้งต้นสำหรับทำเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
ทรัมป์กล่าวว่า ประเด็นปัญหาเรื่องการค้าแร่แรร์เอิร์ธได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
“เรื่อง (ประเด็นปัญหา) แรร์เอิร์ธทั้งหมดได้รับการตกลงแก้ไขแล้ว และนั่นคือสำหรับโลก ... นี่เป็นสถานการณ์ของทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะสถานการณ์ของสหรัฐฯเท่านั้น” ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า “ไม่มีการปิดถนนกั้นจากจีนอีกแล้ว”
ก่อนหน้านี้ ภายหลังการเจรจาหารือที่กัวลาลัมเปอร์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างคณะผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯกับจีน ทางฝ่ายสหรัฐฯแถลงว่าจีนตกลงจะระงับการใช้มาตรการคุมเข้มการส่งออกแรร์เอิร์ธเอาไว้ก่อน 1 ปี
ทรัมป์ยังเปิดเผยว่า ปักกิ่งกำลังจะหารือกับ เจนเสน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิปเอไอของสหรัฐฯ พร้อมกับระบุว่า ทางการสหรัฐฯทำหน้าที่เป็น “เหมือนกับกรรมการ” ในการเจรจาหารือระหว่างฝ่ายจีนกับอินวิเดียนี้
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถาม เขาตอบว่า การเจรจาเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับชิป “แบล็กเวลล์” ซึ่งถือเป็นชิประดับดีที่สุดของอินวิเดียในเรื่องการใช้งานกับเอไอ แต่ผู้นำสหรัฐฯก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมไปกว่านี้ โดยกล่าวเพียงว่า “มันยังมีชิปอีกเยอะแยะ และเรื่องนี้เป็นเรื่องดีสำหรับเรา”
ในประเด็นอื่นๆ ทรัมป์บอกว่าได้ตกลงที่จะ “ทำงานร่วมกัน” กับจีนในเรื่องยูเครน โดยกล่าวว่า “ยูเครน—เราทั้งคู่จะทำงานร่วมกัน— เราเห็นพ้องกันว่าฝ่ายต่างๆ ถูกล็อกอยู่ในการสู้รบ และบางครั้งคุณก็ต้องปล่อยให้พวกเขารบกันนะ ผมว่า แต่เรากำลังจะทำงานด้วยกันในเรื่องยูเครน”
สำหรับเรื่องที่เขาสั่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯให้รื้อฟื้นการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาอีก ไม่กี่นาทีก่อนการประชุมหารือกับสีคราวนี้ ทรัมป์บอกว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว เนื่องจากประเทศใหญ่รายอื่นๆ ต่างก็เริ่มต้นทำกันไปก่อนแล้ว พร้อมกันนั้นเขาก็ย้ำเรื่องที่สหรัฐฯเป็นชาติที่มีคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก
ในส่วนเรื่องของไต้หวัน ซึ่งมีความกังวลกันในพวกที่สนับสนุนเกาะแห่งนี้ว่า ไต้หวันอาจจะกลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใช้ในการเจรจาต่อรองระหว่างสหรัฐฯกับจีนในคราวนี้ด้วย ทรัมป์กล่าวตอบว่า ไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเจรจา
เมื่อถูกถามว่า เขาจะให้คะแนนการเจรจาหารือคราวนี้เท่าไรระหว่าง 1 จนถึง 10 คะแนน ทรัมป์ตอบว่า เขาจะให้ 12 คะแนน พร้อมกับเรียกการหารือนี้ว่า “เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯบอกด้วยว่า เขาจะไปเยือนจีนในเดือนเมษายน และสีจะเดินทางมาเยือนสหรับฯ “ในอีกช่วงหนึ่งหลังจากนั้น” โดยเป็นไปได้ว่าอาจจะมาที่กรุงวอชิงตัน หรือไม่ก็ที่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ของเขา
การเจรจาหารือระหว่าง ทรัมป์ กับ สี ปิดฉากลงในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง โดยที่ผู้นำทั้งสองไม่ได้มีการแถลงแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณชน ก่อนที่ทรัมป์จะมาพูดกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินประจำตำแหน่งของเขา
ทรัมป์ ออกจากที่ประชุมในเมืองปูติน, เกาหลีใต้ โดยตรงดิ่งไปขึ้น “แอร์ฟอร์ซวัน” เดินทางออกจากเกาหลีใต้ ภายหลังการพบปะหารือแบบเจอหน้ากันจริงๆ กับ สี เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ทั้งนี้เขาโบกมือและชูกำปั้นอย่างที่เขาชอบทำ ขณะขึ้นเครืองบิน จากนั้นแอร์ฟอร์ซวันก็ทะยานขึ้นฟ้าในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
สำหรับ สี ได้ขึ้นรถยนต์ของเขาที่ด้านนอกของสถานที่ซึ่งใช้ประชุมหารือกันที่กินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ก่อนหน้าการเจรจาหารือ ทรัมป์ได้กล่าวยกย่อง สี ซึ่งมีใบหน้ายิ้มแย้มว่า เป็น “นักเจรจาที่แข็งแกร่งมาก” ขณะที่ทั้งคู่จับมือกัน
“เรามีความเข้าใจกันอย่างยิ่งใหญ่มาก” ผู้นำสหรัฐฯบอก พร้อมกับทำนายถึง “ความสัมพันธ์ที่แสนมหัศจรรย์ในช่วงระยะเวลาอันยาวไกล” ระหว่างประเทศทั้งสอง
ขณะที่ สี กล่าวยอมรับก่อนการหารือเริ่มต้นขึ้นว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในสภาพที่มองตากันได้อย่างสนิทใจเสมอไป แต่ก็ควรที่จะใช้ความพยายามเพื่อเป็น “หุ้นส่วนและเพื่อนมิตรกัน”
“จีนกับสหรัฐฯสามารถที่ร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบของพวกเขาในฐานที่เป็นประเทศใหญ่ และทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่และเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น เพื่อความดีงามของประเทศเราทั้งสองและของโลกทั้งมวล” สี กล่าว
ภายในห้องเจรจา ซึ่งคณะผู้เจรจาของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่คนละข้างกันนั้น ทรัมป์มีเจ้าหน้าที่อาวุโสของฝ่ายสหรัฐฯนั่งเคียงข้างทั้ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ, รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์, และรัฐมนตรีพาณิชย์ เฮาเวิร์ด ลุตนิก
ส่วนทีมงานของสี ซึ่งเดินทางมาถึงจากกรุงปักกิ่งไม่นานก่อนหน้านั้น –ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯอยู่ในเกาหลีใต้ก่อนแล้ว— ประกอบด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศหวัง อี้, รัฐมนตรีพาณิชย์ หวัง เหวินเทา, และรองนายกรัฐฒนตรี เหอ ลี่เฟิง
ไม่กี่นาทีก่อนหน้าการหารือกันคราวนี้ ประมุขทำเนียบขาวแถลงว่า เขาได้ออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเริ่มการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในระดับเดียวกับที่จีนกับรัสเซียกระทำอยู่
(ที่มา: บีบีซี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)


