xs
xsm
sm
md
lg

หยามกันเห็นๆ!ลือเครื่องบินล่องหนJ-20จีน บินผ่านช่องแคบแบบง่ายดายเกาหลีใต้ตรวจจับไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มีรายงานข่าวว่า เฉิงตู J-20 เครื่องบินล่องหนรุ่น 5 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน บินผ่านอีสเทิร์นชาแนลของช่องแคบเกาหลี โดยไม่ถูกตรวจจับใดๆเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม ตามรายงานของเซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ในวันจันทร์(27ต.ค.) ว่ากันว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นไม่สามารถติดตามแกะรอยเครื่องบินลำดังกล่าวระหว่างบินผ่าน คำกล่าวอ้างที่ก่อความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของระบบป้องกันภัยทางอากาศในภูมิภาค

จนถึงตอนนี้ปักกิ่งยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งโหมกระพือการคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าเครื่องบินล่องหนของจีน สามารถเล็ดลอดผ่านเครือข่ายตรวจการณ์ของโซล, โตเกียว และแม้กระทั่งวอชิงตันได้

ตามหลังคำกล่าวอ้างล่วงล้ำน่านฟ้า ทางจีนได้จัดแสดงเครื่องบิน J-20 และ J-35 อย่างโดดเด่น ณ พิธีสวนสนามในวันแห่งชัยชนะเมื่อวันที่ 3 กันยายน และอีกครั้งที่งานแอร์โชว์ฉางชุน ในวันที่ 20 กันยายน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าปักกิ่งมีความเชื่อมั่นในด้านการบินล่องหนมากขึ้นเรื่อยๆ และส่งสัญญาณความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีในน่านฟ้าพิพาทใกล้คาบสมุทรเกาหลี

รายงานนี้ปรากฏออกมาระหว่างการตรวจสอบของรัฐสภา ณ กองบัญชาการทหารอากาศในเมืองคเยรยอง ที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรตั้งคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของกองทัพอากาศในการตรวจจับอากาศยานที่ตรวจจับได้ยากที่อาจบินใกล้ชายแดนของประเทศ โดยส.ส.ลิม จอง ดุ๊ก แสดงความกังวลว่าเครื่องบินขับไล่ที่ไม่สามารถระบุตัวตน อาจบินเข้าน่านฟ้าของเกาหลีใต้ภายในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่ถูกตรวจจับใดๆ

ซอง เซือค-รัค หัวหน้าเสนาธิการทหารอากาศ ตอบกลับว่าวันเวลาของเที่ยวบินดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันและไม่มีหลักฐานอย่างเป็นรูปธรรมว่ามี J-20 ปฏิบัติการในภูมิภาค เขาเน้นย้ำว่าอีสเทิร์นชาแนล ตั้งอยู่รอบนอกของเขตแสดงตัวตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของเกาหลีใต้(KADIZ) ซึ่งจำกัดศักยภาพของกองทัพอากาศที่จะยืนยันหรือปฏิเสธในเรื่องนี้

บันทึกข้อมูลเรดาร์จากศูนย์ Master Control and Reporting Center ไม่พบประวัติ J-20 บินใกล้ๆในวันที่ 27 กรกฏาคม เช่นกัน ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ด้านการทหารชี้ว่าถ้าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นจริง มันก็จำเป็นต้องมีการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ เนื่องจากมันอยู่ห่างจากฐานทัพของจีนค่อนข้างมาก ซึ่งมันก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นจริงของคำกล่าวอ้างดังกล่าว

เหตุการณ์นี้ยังตอกย้ำถึงความพยายามยกระดับแสนยานุภาพทางอากาศของทั้งจีน, รัสเซียและเกาหลีใต้ สำนักข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯระบุว่าเครื่องบินขับไล่ล่องหน J-35 และอากาศยานไร้คนขับล่องหน FH-97 ของจีน จะเป็นอาวุธยุคใหม่ที่สำคัญ ซึ่งสะท้อนพัฒนาการแบบเดียวกันในโครงการ Su-57 ของรัสเซีย ในขณะที่เกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังหาทางอัพเกรดกองบินที่เก่าล้าสมัยของตนเอง อาจพยายามเข้าถึงเทคโนโลยีล่องหนของพันธมิตร ผ่านความร่วมมือไตรภาคีที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

ระบบเรดาร์พิสัยไกลของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบกระดูกสันหลังของเครือข่ายเฝ้าระวังทางอากาศของประเทศ กำลังเผชิญกับประเด็นความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ในบรรดาสถานีเรดาร์ FPS-117 ที่ยังอยู่ในประจำการ 12 ระบบ มีอยู่ 8 ระบบที่เก่าเก็บมีอายุย้อนกลับไประหว่างปี 1987 ถึง 1992 ส่วนอีก 4 ระบบที่เหลือเข้าประจำการในปี 2004 ทำให้หลายแห่งปฏิบัติการเกินกว่าอายุขัยที่ออกแบบไว้แล้ว

พวกเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าระบบต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน แทบตรวจจับเครื่องบินล่องหนไม่ได้เลย แม้นอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุด

โซลมีแผนลงทุน 260,300 ล้านวอน(ราว 5,900 ล้านบาท) ภายในปี 2029 สำหรับอัพเกรดเรดาร์พิสัยไกลอย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตามพวกนักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่เร่งรีบดำเนินการ เกาหลีใต้อาจเสี่ยงตกอยู่ในภาวะตาบอดเช่นนี้ต่อไป ในยามที่ต้องเผชิญกับเทคโนโลยีล่องหนที่มีวิวัฒนาการไม่หยุด สำหรับเวลานี้ เกาหลีใต้ยังต้องพึ่งเซ็นเซอร์เก่าเก็บ อันเป็นสถานการณ์ที่น่ากระวนกระวาย เนื่องจากเงามืดของจีนกำลังแผ่ปกคลุมน่านฟ้าของเอเชียตะวันออก

(ที่มา : Koreajoongangdaily/เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)


กำลังโหลดความคิดเห็น