เรือรบลำหนึ่งของสหรัฐฯเดินทางถึงตินิแดดและโตเบโกเมื่อวันอาทิตย์(26ต.ค.) เพื่อทำการซ้อมรบใกล้ชายฝั่งเวเนซุลา ความเคลื่อนไหวมีขึ้นในขณะที่อเมริกากำลังปฏิบัติการในสิ่งที่อ้างว่าเป็นยกระดับกดดันพวกลักลอบขนยาเสพติดและประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา
เรือพิฆาตยูเอสเอส เกรฟลีย์ เทียบท่าอยู่ที่กรุงพอร์ตออฟสเปน เมืองหลวงของตินิแดดและโตเบโก หลังจากรัฐบาลตินิแดดแถลงเกี่ยวกับการเดินทางมาถึงของมันในวันพฤหัสบดี(23ต.ค.)
รายงานข่าวระบุว่าเรือพิฆาตยูเอสเอส เกรฟลีย์ จะยังอยู่ในประเทศเล็กๆแถบแคริบเบียนแห่งนี้ไปจนถึงวันพฤหัสบดีหน้า(30ต.ค.) โดยระหว่างนั้นกำลังพลหนึ่งของนาวิกโยธินสหรัฐฯจะทำกาซ้อมรบร่วมกับกองกำลังป้องกันตนเองท้องถิ่น
การซ้อมรบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับยุทธการทางทหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการต่อต้านองค์กรลักลอบขนยาเสพติดในละตินอเมริกา ซึ่งมีเป้าหมายเล่นงาน มาดูโร คู่ปรับตัวฉกาจของทรัมป์โดยเฉพาะ
กองทัพสหรัฐฯโจมตีระเบิดทำลายเรือที่พวกดขาอ้างว่ากำลังลักลอบขนยาเสพติดไปแล้วอย่างน้อย 10 ลำ สังหารผู้คนไปอย่างต่ำ 43 ราย และ ทรัมป์ ขู่โจมตีทางภาคพื้นเล่นงานพวกผู้ต้องสงสัยแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา
มาดูโร ซึ่งเป็นคู่อริกับ ทรัมป์ มาอย่างยาวนาน คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาอีกสมัย ท่ามกลางคำกล่าวหาโกงการเลือกตั้ง คำกล่าวหาที่เขาปฏิเสธ ทั้งนี้ มาดูโร ประณามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ว่าเป็นการ "จัดฉากสงคราม" โดยมีเป้าหมายโค่นล้มเขา
สถานการณ์ลุกลามขึ้นอย่างมากเมื่อวันศุกร์(24ต.ค.) หลังเพนตากอนออกคำสั่งส่งเรือยูเอสเอส เจรัลด์ อาร์ ฟอร์ด เรือบรรทุกเครื่องบินใหญ่ที่สุดในโลก เข้าประจำการในภูมิภาค นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังอนุมัติปฏิบัติการของซีไอเอในการจัดการเวเนซุเอลา
เหตุเผชิญหน้าดังกล่าวทำให้ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ผู้ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์การโจมตีของสหรัฐฯ ถูกลากเข้ามาร่วมวงด้วย โดยวอชิงตันกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเขาในวันศุกร์(24ต.ค.) ฐานปล่อยให้การลักลอบขนยาเสพติดเฟื่องฟู
วอชิงตันกล่าวหาทั้ง มาดูโร และ เปโตร ว่าเป็นพวกค้ายาเสพติด โดยไม่ได้ให้หลักฐานใดๆพิสูจน์คำกล่าวหานั้น
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม วอชิงตันส่งกองทัพของกองทัพเรือสหรัฐฯ 8 ลำ, เครื่องบินล่องหน F-35 จำนวน 10 ลำ และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เข้าประจำการในภูมิภาค เพื่อปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด ถือเป็นการเสริมกำลังทหารครั้งใหญ่ที่สุดในพื้นที่ นับตั้งแต่สหรัฐฯรุกรานปานามาในปี 1989
ในตรินิแดดและโตเบโก ประเทศเกาะแฝดที่มีประชากร 1.4 ล้านคน บางส่วนแสดงความยินดีที่รัฐบาลของพวกเขาสนับสนุนยุทธการของสหรัฐฯ แต่คนอื่นๆกังวลต่อการเข้าไปติดหล่มในความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับเวเนซุเอลา
ตรินิแดดและโตเบโก ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของแก๊งค้ายาในแถบแคริบเบียนเช่นกัน ตัวของพวกเขาเองก็เป็นเป้าในยุทธการของสหรัฐฯในการโจมตีเรือของพวกผู้ต้องสงสัยขนยาเสพติด
มีชาว ตรินิแดด 2 คนเสียชีวิตในเหตุโจมตีเรือลำหนึ่ง ที่กำลังเดินทางออกจากเวเนซุเอลา ในช่วงกลางเดือนตุลาคม สมาชิกในครอบครัวอ้างว่าพวกเขาเป็นแค่ชาวประมง ไม่ใช่พวกลักลอบขนยาเสพติด
(ที่มา:เอเอฟพี)


