สหรัฐฯประกาศวันพุธ (22 ต.ค.) แซงก์ชันบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ 2 แห่งของรัสเซีย เพื่อกดดันมอสโกยุติการสู้รบในยูเครน ข่าวนี้ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งพรวดขึ้นมากว่า 5 % ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปส่งเสียงประสานด้วยการแบนสั่งซื้อก๊าซแอลเอ็นจีจากแดนหมีขาว ด้านเครมลินแสดงความเดือดดาล ลั่นมาตรการเช่นนี้จะไม่ได้ผล
มาตรการแซงก์ชันระลอกใหม่เหล่านี้เกิดขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ บอกเมื่อวันอังคาร (21) ว่าจะไม่มีการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ฮังการี ซึ่งดูท่าจะ “เสียเวลาเปล่า” เพราะคงไม่สามารถตกลงอะไรกันได้
ในวันพุธ (22) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศอายัดทรัพย์สินในอเมริกาทั้งหมดของ รอสเนฟต์ และ ลุคออยล์ 2 บริษัทรัฐวิสาหกิจน้ำมันใหญ่ที่สุดของรัสเซีย รวมทั้งห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับสองบริษัทนี้ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงในการทำสงครามของมอสโก
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทำเนียบขาวในยุคทรัมป์ 2.0 ซึ่งที่ผ่านมาแม้ใช้วิธีกดดันสลับกับการประนีประนอมเพื่อผลักดันสันติภาพในยูเครน ทว่ายังไม่เคยประกาศใช้มาตรการแซงก์ชั่นระลอกใหม่ๆ กับแดนหมีขาวเลย ถึงแม้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามีแรงกดดันจากรัฐสภาที่ต้องการแซงก์ชันภาคพลังงานรัสเซียเพื่อให้ปูตินยอมยุติการสู้รบ
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ก่อนในวันพุธว่า ถึงเวลาแล้วที่จะยุติการเข่นฆ่าและทำข้อตกลงหยุดยิงทันที พร้อมระบุว่า นี่เป็นหนึ่งในมาตรการแซงก์ชันรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุด
ทางด้านทรัมป์แสดงความเห็นด้วยกับเบสเซนต์ โดยบอกว่าไม่เห็นสัญญาน รัสเซียจะยอมยุติการสู้รบ อย่างไรก็ดี เขาบอกว่า ยังไม่พร้อมจัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ซึ่งยิงได้ไกล 2,500 กิโลเมตรให้ตามที่ยูเครนร้องขอ นอกจากนั้นเขาระบุว่า ยูเครนต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน หากจะเรียนรู้วิธีใช้ระบบขีปนาวุธที่มีความสลับซับซ้อนนี้ เป็นการยืนยันกลายๆ ต่อความเห็นก่อนหน้านี้ของพวกผู้เชี่ยวชาญที่ว่า ยูเครนจะสามารถใช้งานโทมาฮอว์กได้จริงๆ ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการของสหรัฐฯหรือของชาติพันธมิตรตะวันตกซึ่งครอบครองอาวุธนี้ เข้าไปช่วยเหลือด้วย
สำหรับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน ยกย่องว่า มาตรการแซงก์ชันของอเมริกาเป็นการส่งข้อความอย่างชัดเจนว่า การรุกรานและทำให้สงครามยืดเยื้อออกไปมีต้นทุนที่ต้องจ่าย
ข่าวการแซงก์ชั่นคราวนี้ของสหรัฐฯส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งพรวดขึ้นมา โดยที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือดีดขึ้น 5.4% ส่วนของน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียตทะยาน 5.6%
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อคืนวันพุธ สหภาพยุโรปก็ได้อนุมัติมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตนระลอกใหม่ ที่ครอบคลุมการห้ามงซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของรัสเซียโดยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ สัญญาซื้อขายระยะสั้นจะต้องยุติหลังจากนี้ 6 เดือน ส่วนสัญญาระยะยาวจะยุตินับจากวันที่ 1 ม.ค. 2027 ซึ่งถือว่า เร็วกว่ากำหนดเดิม 1 ปีตามโรดแมปของคณะกรรมาธิการยุโรปในการยกเลิกการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย
มาตรการใหม่ยังรวมถึงการจำกัดความเคลื่อนไหวของนักการทูตรัสเซียที่สงสัยว่าเป็นสายลับภายในอียู รวมทั้งขึ้นบัญชีดำเรือบรรทุกน้ำมันอีก 100 ลำ ใน “กองเรือเงา” ซึ่งหมายเรือบรรทุกน้ำมันเก่าเสื่อมสภาพ ซึ่งถูกรัสเซียนำมาใช้ลักลอบขนน้ำมันเพื่อหลบหลีกมาตรการแซงก์ชั่นของฝ่ายตะวันตก
คาจา คัลลัส ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายการต่างประเทศของอียู โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า มาตรการแซงก์ชันระลอกใหม่พุ่งเป้าเล่นงานทั้งธนาคารรัสเซีย แพลตฟอร์มเทรดคริปโต นิติบุคคลในอินเดียและจีน ฯลฯ
นอกจากนั้นในวันพุธ สวีเดนยังลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงในการขายเครื่องบินขับไล่ กริพเพน ให้ยูเครน โดยเคียฟคาดว่า จะได้รับมอบและเริ่มใช้เครื่องบินขับไล่รุ่นนี้ในปีหน้า และมีแผนสั่งซื้ออย่างน้อย 100 ลำ
ในส่วนของรัสเซีย เมื่อวันพุธ ทำเนียบเครมลินเผยแพร่วิดีโอ ซึ่ง พลเอกวาเลอรี เก-ราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารรัสเซีย กำลังรายงานปูตินเกี่ยวกับการซ้อมรบอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ที่มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า โดยที่มีทั้งการยิงขีปนาวุธจากเครื่องยิงภาคพื้นดิน เรือดำน้ำ และเครื่องบินรบ รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีปที่โจมตีได้ถึงอเมริกา
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ระยะไกล Tu-22M3 ได้บินเหนือทะเลบอลติก และในบางจุดถูกประกบด้วยเครื่องบินรบต่างชาติซึ่งน่าจะเป็นเครื่องบินของชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ก่อนหน้านี้ ปูตินอวดอ้างความยิ่งใหญ่ด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียเพื่อเตือนยูเครนและพันธมิตรตะวันตก การซ้อมรบเช่นนี้ของฝ่ายรัสเซียมีขึ้นหลังจากฝ่ายนาโตก็มีการซ้อมป้องปรามด้านนิวเคลียร์ไปก่อนแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
ต่อมาในวันพฤหัสฯ (23) ดมิตรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เป็นหน่วยงานทรงอิทธพลมากของรัสเซีย ได้โพสต์บนเทเลแกรมว่า ตอนนี้ชัดเจนมากว่า อเมริกาเป็นศัตรูของรัสเซีย และมาตรการล่าสุดของทรัมป์เข้าข่ายการประกาศสงครามกับรัสเซีย ซึ่งหมายความว่า รัสเซียสามารถถล่มยูเครนด้วยอาวุธต่างๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึง “การเจรจาที่ไม่จำเป็น” อีกต่อไป
ขณะที่ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ก็แถลงว่า มาตรการแซงก์ชันของอเมริกานี้ไม่สร้างสรรค์อย่างร้ายแรง อีกทั้งจะไม่ได้ผล เพราะแดนหมีขาวได้พัฒนา “ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง” ต่อมาตรการแบบนี้เสียแล้ว เธอเตือนด้วยว่า ทรัมป์จะต้องผิดหวังถ้าเดินตามนโยบายของคณะบริหารชุดก่อน
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังย้ำจุดยืนเดิมนับจากปี 2022 นั่นคือยูเครนต้องเป็นกลาง เป็นเขตปลอดทหาร และรับรองสิทธิ์ของประชาชนที่พูดภาษารัสเซียและนับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ และเสริมว่า รัสเซียต้องการปรับรายละเอียดการเจรจาเพื่อขจัดปัญหารากเหง้าของความขัดแย้ง และการรับประกันสันติภาพที่เชื่อถือได้ในบริบทของการสร้างยูเรเชียและระบบความมั่นคงโลกที่ครอบคลุมและไม่สามารถแบ่งแยกได้
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์)



