กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชาเมื่อวันพุธ(24ก.ย.) ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่แรงงานเขมรอายุเกิน 45 ปี จะได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศ เนื่องจากโรงงานเกือบทั้งหมดจำกัดการจ้างงานที่อายุ 40 ถึง 45 ปี ข้อเท็จจริงที่เพิ่งถูกเผยแพร่อกมา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทย ในนั้นจำนวนมากกำลังประสบปัญหาหนี้สินท่วมตัวและขาดแคลนทักษะฝีมือตามความต้องการของงานในบ้านเกิดเมืองนอน
เฮง ซัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและฝึกวิชาชีพกัมพูชา อ้างว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีความยืดหยุ่นมากกว่า เปิดทางให้สามารถทำงานได้จนอายุสูงสุด 50 ปี พร้อมระบุทางกระทรวงได้ขยายโครงการฝึกอาชีพสู่แรงงานอายุมาก ช่วยอบรมทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เพื่อค้ำจุนวิถีการดำรงชีพภายในชุมชนของคนเหล่านั้น
นอกจากนี้แล้ว เขายังส่งเสียงวิงวอนไปยังบรรดาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง(เอสเอ็มอี) ให้เปิดโอกาสแก่บรรดาแรงานกัมพูชาที่กลับจากไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อที่พวกเขาจะถูกบูรณการเข้าสู่ตลาดแรงงานภายในประเทศ
รัฐมนตรีรายนี้แสดงความขอบคุณบรรดาแรงงานทั้งหลายที่ปัจจุบันทำงานอยู่ตามโรงงานต่างๆ ที่ช่วยเหลือญาติๆและเพื่อนบ้านที่กลับจากไทย ให้ได้งานในท้องถิ่นทำ เขาเร่งเร้าให้ยกระดับจิตวิญญาณแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้มากขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน ซุา เมษา โฆษกกระทรวงแรงงาน เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาทุกคนที่กำลังหางาน ให้ติดต่อไปยังสายด่วน 1297 ของทางกระทรวงฯหรือใช้คิวอาร์โค้ดที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์อย่างเป็นทางการของกระทรวงฯ และแพลตฟอร์มต่างๆของสำนักงานการจ้างงานแห่งชาติ(NEA) สำหรับลงทะเบียนหางาน
กระทรวงแรงงานและฝึกวิชาชีพกัมพูชา อ้างว่าเวลานี้มีตำแหน่งงานว่างทั่วภาคอุตสาหกรรมต่างๆเกือบ 100,000 อัตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่มอบค่าจ้างและผลประโยชน์ที่เหมาะสม สำหรับแรงงานทั้งที่มีฝีมือและไม่มีฝีมือ
เมษา ยังเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายถิ่นฐานที่ผิดกฎหมาย ในนั้นรวมถึงการถูกแสวงหาประโยชน์โดยนางจ้าง การโดนปฏิเสธสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย และเป็นไปได้ว่าจะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ต่างชาติ เขาเรียกร้องให้แรงงานกลับจากไทย ฉวยโอกาสหางานในท้องถิ่นแทนที่จะเสี่ยงออกไปทำงานผิดกฎหมายในต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยังคงมีความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย
งานวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ของสถาบันพัฒนาทรัพยากรกัมพูชา(CDRI) ชี้ให้เห็นถึงขอบเขตความท้าทายอย่างใหญ่โตของกัมพูชา มีแรงงานเขมรราว 720,000 คน จากทั้งหมด 910,000 คน ที่เดินทางกลับบ้านจากวิกฤตชายแดน แต่จนถึงตอนนี้มีผู้ได้งานแล้วแค่ 21% ขณะที่อีกเกือบครึ่งล้านคนยังคงตกงาน
CDRI เตือนว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความขัดสนในหมู่ครัวเรือนที่เดินทางกลับจากไทยอาจเพิ่มจาก 30% สู่ระดับ 50% และมันไม่ใช่แค่ก่อความทุกข์ทรมานแก่ตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชนบทของกัมพูชา ซึ่งพึ่งพิงมาช้านานต่อเงินที่แรงงานในต่างแดนส่งกลับบ้าน
(ที่มา:ขแมร์ไทม์ส/mgronline)