ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสถูกหยามเกียรติอย่างหนักขณะปฏิบัติภารกิจในนครนิวยอร์ก ชนิดที่ว่าไม่เห็นแก่หน้าค่าชื่อกันเลยทีเดียว เมื่อขบวนรถของ “แอมานุแอล มาครง” ซึ่งเดินทางกลับออกจากอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ หลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตยูเอ็นว่าด้วยการระดมความสนับสนุนการแก้ไขความขัดแย้งในตะวันออกกลางผ่าน “แนวทาง 2 รัฐ” ซึ่งคือให้จัดตั้งทั้งรัฐปาเลสไตน์กับรัฐอิสราเอลอยู่เคียงคู่กัน และมาครงยังใช้โอกาสนี้ประกาศให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์ เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2025 ได้ถูกทีมจราจรของตำรวจนิวยอร์กสกัดให้หยุดรอและค้างคาอยู่บนถนนไปเรื่อยๆ จนกว่าขบวนรถของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้เป็นประธานาธิบดีเจ้าถิ่น จะแล่นผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ทราบว่าจะกี่โมง รายงานของเดลิเมลออนไลน์ให้ข้อมูลอย่างนั้น
พร้อมนี้ เดลิเมลออนไลน์นำเสนอคลิปเหตุการณ์โกลาหลหัวใจ ที่ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสกริ๊งๆ ไปยังโทรศัพท์มือถือของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะทั้งสองก็สนิทสนมกันมานานปี ตั้งแต่ยุคทรัมป์ 1
“ทายสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมติดค้างอยู่บนถนน เพราะการจราจรถูกหยุดไว้ทั้งหมดเพื่อรอเปิดทางให้ขบวนรถของท่านแล่นผ่าน” ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง แจ้งทราบและขอความช่วยเหลือไปยังประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง เดลิเมลออนไลน์รายงาน
ในสถานการณ์ป่วนหัวใจที่ขบวนรถของประธานาธิบดีมาครงถูกสกัดให้จอดรอแน่นิ่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กบอกว่า
“ขออภัยจริงๆ ครับท่านประธานาธิบดี ตอนนี้การจราจรทั้งหมดถูกระงับจนกว่าขบวนรถของประธานาธิบดีอเมริกันจะเคลื่อนตัวเสร็จเรียบร้อยครับ” เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวกับประธานาธิบดีมาครง ดังได้ยินชัดเจนทั่วหน้า
เมื่อประสบกับเรื่องเหลือเชื่อขนาดนั้น แอมานุแอล มาครง จึงลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง เดลิเมลออนไลน์ให้รายละเอียดอย่างนั้น และรายงานว่าในคลิปวิดีโออีกหนึ่งคลิปที่ไวรัลไปทั่วอย่างรวดเร็ว มีภาพกับเสียงที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือโดยตรงกับประธานาธิบดีอเมริกัน
กระนั้นก็ตาม หลังจากหลายๆๆ นาทีแห่งการรอคอยให้คำสั่งจากประธานาธิบดีทรัมป์เข้ามาช่วยเคลียร์สถานการณ์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสวัยหนุ่มทรหด 47 กะรัต ก็ตัดสินใจชวนทีมรักษาความปลอดภัยออกเดิน เพราะตอนนั้นถนนเปิดแล้ว แต่เปิดเฉพาะแค่ให้ผู้คนเดินสัญจรได้ โดยยังบล็อกรถยนต์ให้ต้องติดค้างคาถนนไว้ดั่งเดิม
และแล้ว คลิปที่ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ออกเดินไปในท่ามกลางผู้คนอันคลาคล่ำตามถนนของนครบิ๊กแอปเปิล ก็ถูกแชร์ว่อนเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลมีเดีย
คำวิพากษ์เผ็ดร้อนพากันผุดขึ้นเกรียวกราวว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเล่นเกมโชว์พาวอีกแล้ว เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
“นั่นไม่ใช่เรื่องประสานงานสับสนมั่วๆ มันเป็นสัญญาณโชว์อำนาจแหละ การที่พวกผู้นำระดับโลกถูกสกัดให้ติดคาบนท้องถนน เพื่อให้ขบวนของทรัมป์วิ่งผ่านไปก่อนน่ะ มันบอกออกมาชัดๆ ทุกแง่มุมเลยว่า ใครกันแน่ที่เรียกร้องให้ทุกคนไปซูฮก” ผู้ใช้เอ็กซ์ทวิตเตอร์ฟาดไว้ตรงๆ
อีกคอมเมนต์หนึ่งบอกว่า “ประธานาธิบดีมาครงเลยต้องมาทราบว่า ใครกันแน่ที่สั่งการได้ทุกเรื่องในอเมริกา แม้กระทั่งนอกเวลาราชการ”
“หยามกันจริงๆ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต้องติดแหง็กบนถนน ส่วนขบวนรถของทรัมป์วิ่งฉิวยังกับขบวนเสด็จของพระราชา” นี่เป็นคอมเมนต์ที่ 3 ที่เดลิเมลออนไลน์นำเสนอ ส่วนรายที่ 4 บอกว่า
“นี่ไม่ใช่กรณีผิดพลาดน่าอับอาย นี่เป็นการละเมิดพิธีการทูตเลยแหละ มันดูหมิ่นกันอย่างร้ายกาจ”
ชะตากรรมไม่สู้ดีที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสอาจเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยทีเดียว อาทิ การที่ประธานาธิบดีมาครงมีนโยบายให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นคัดค้านและเย้ยหยัน อันเป็นท่าทีอันสอดคล้องกับอาการอี๋อ๋อที่ทรัมป์มีให้กับอิสราเอล
ยิ่งกว่านั้น การถูกเล่นงานให้ต้องติดค้างคาถนน ยังดูจะเป็นเหตุการณ์ผีซ้ำด้ำพลอย เพราะแอมานุแอล มาครง เพิ่งเผชิญกับผลโพลใหม่เอี่ยมที่ระบุว่าตนเองเสื่อมความนิยมสาหัสที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา หลังมีการประกาศผลโพลใหม่สุดในวันจันทร์ที่ 22 กันยายนที่ฝรั่งเศส
กล่าวคือ คะแนนความนิยมซึ่งประธานาธิบดีมาครงได้รับนั้น ตกต่ำดำดิ่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยร่วงสู่ระดับแค่ 17% เท่านั้น น้อยที่สุดนับจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2017 (อันเป็นสมัยแรก และปัจจุบัน ครองตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง)
การทำโพลดังกล่าวโดย Ifop ซึ่งมีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Le Journal du Dimanche เป็นเจ้าภาพ มีขึ้นหลังเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ทั่วฝรั่งเศส ผู้ใช้แรงงานเกือบ 1,000,000 ชีวิตพากันลงถนน เดินประท้วงประธานาธิบดีว่าบริหารประเทศผิดพลาด ไม่สามารถรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจได้ เดลิเมลออนไลน์ระบุอย่างนั้น
ในท่ามกลางความรุนแรงและสถานการณ์โกลาหล มีการปะทะกันดุเดือดระหว่างฝ่ายตำรวจกับฝ่ายผู้ก่อการจลาจล มีการจุดไฟเผาลุกโพลงควันโขมง ขณะเดียวกันก็มีควันจากแก๊สน้ำตาคละคลุ้ง
เดลิเมลออนไลน์นำเสนอด้วยว่า บรรดานักเรียนและนักศึกษาสวมหน้ากากยกโขยงกันแห่ป้าย เรียกร้องให้ “ขึ้นภาษีคนรวย” ขณะเผชิญหน้ากับสารพันตำรวจสวมเสื้อเกราะ อันเป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงใหญ่ซึ่งร้อนแรงขั้นสุดในกรุงปารีส
ผู้คนในฝรั่งเศสเกือบล้านรายพร้อมใจกันสไตรก์ผละงานครั้งประวัติศาสตร์เมื่อพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2025 เพราะแค้นเคืองกฎหมายงบประมาณตัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของประชาชน ตลอดจนมาตรการด้านค่าแรงและเงินเกษียณอายุ รวมไปถึงบริการสาธารณะต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ คือ เซบัสเตียง เลอกอร์นู และมีการปะทะกับตำรวจในกรุงปารีส ลียง และน็องต์ส
ใช่แต่เท่านั้น เภสัชกรฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งปีกใหญ่ที่ลงถนนเข้าร่วมเดินขบวน และปิดบริการร้านขายยาทั่วประเทศเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ คัดค้านและลงโทษนโยบายราคายาของรัฐบาล
ด้านสหภาพแรงงานทั้งปวงเดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านงานบริการสาธารณะ รวมทั้งให้ขึ้นภาษีเอากับคนร่ำรวยมีอันจะกินล้นหลาม
ปัญหาอันมากมายและเรื้อรังทำให้ฝรั่งเศสเผชิญกับวิกฤติหนี้สาธารณะที่นับวันแต่จะขยายทวีขึ้น ตลอดจนวิกฤติพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูง
การขาดดุลงบประมาณที่ฝรั่งเศสแบกรับอยู่นั้น ในปีที่ผ่านมา ถึงกับทะยานขึ้นแตะระดับ 5.8% ของจีดีพี ฝ่าเพดานที่อียูกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 3% และเป็นการขาดดุลที่มหาศาลที่สุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กันเลยทีเดียว เดลิเมลออนไลน์รายงาน
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ ฟรานซ์24)