ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกภายหลังจากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว พร้อมส่งสัญญาณวอาจลดอีก 2 รอบภายในปีนี้ เพื่อหยุดยั้งความเสี่ยงด้านลบในตลาดแรงงาน
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เฟดออกคำแถลงในวันพุธ (18 ก.ย.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เฟด ฟันดส์ เรต ลงมา 0.25% อยู่ที่ 4.0-4.25%
ในการแถลงข่าววันเดียวกัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ย้ำว่า เฟดยังคงมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเป็นอิสระจากการเมือง พร้อมยืนยันว่า เฟดตัดสินใจถูกต้องที่รอดูสถานการณ์ภาษีศุลกากร เงินเฟ้อ และตลาดแรงงาน จากนั้นจึงตัดสินใจลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
ทั้งนี้ ในการประชุมคราวนี้ สมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงของเอฟโอเอ็มซีจำนวน 11 คนจากทั้งหมด12 คน โหวตสนับสนุนให้ลดดอกเบี้ย 0.25% มีเพียง สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟดคนใหม่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งแต่งตั้งเข้ามาเมื่อวันอังคาร (16 ) ที่ยืนกรานเสนอให้ลดดอกเบี้ย 0.50%
ไรอัน ชาเรอร์ ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มองว่า การลงมติดังกล่าวดูจะเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดไม่ได้ถูกครอบงำโดยมุมมองทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล เพียร์ซ นักเศรษฐศาสตร์ของออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ชี้ว่า คณะกรรมการเฟดเสียงแตกอย่างชัดเจนในประเด็นความจำเป็นในการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ กล่าวคือในบรรดาสมาชิกทั้งหมดทั้งที่มีสิทธิและไม่มีสิทธิออกเสียง 19 คน นั้น 7 คนมองว่า ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยอีก ขณะที่เสียงส่วนใหญ่คิดว่า ควรลดดอกเบี้ยอีก 2 รอบ
เพียร์ซเสริมว่า ความเห็นที่แตกต่างนี้ “ไม่ปกติ” และคาดว่า การตัดสินใจลดดอกเบี้ยในเดือนหน้าจะขึ้นอยู่กับข้อมูลแรงงานเช่นเดียวกับครั้งนี้
ที่ผ่านมา เฟดบอกว่าต้องพยายามรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกับสภาพของตลาดแรงงาน ในการตัดสินใจนโยบายดอกเบี้ย
เฟดแถลงว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงด้านลบด้านการจ้างงานเพิ่มขึ้น แม้เงินเฟ้อก็ขยับขึ้นและยังถือว่าค่อนข้างสูงก็ตาม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การจ้างงานชะลอลงขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น
ในด้านอื่นๆ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯประจำปีนี้จาก 1.4% ที่คาดไว้ในเดือนมิถุนายน เป็น 1.6% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานและเงินเฟ้อไว้ตามเดิม
ตลอดปีนี้ เฟดคงอัตราดอกเบี้ยมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เนื่องจากต้องการติดตามผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ต่ออัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี พาวเวลล์กล่าวว่า มีการผลักภาระภาษีศุลกากรไปยังผู้บริโภคน้อยกว่าที่คาดไว้
เฮเธอร์ ลอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเนวี เฟเดอรัล เครดิต ยูเนียน เตือนว่า แม้มีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ แต่ความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าสำหรับคนอเมริกันในขณะนี้คือการตกงาน และสถานการณ์ที่เลวร้ายลงซึ่งนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากความกังวลด้านเศรษฐกิจแล้ว เฟดยังเผชิญแรงกดดันหนักขึ้นจากทรัมป์ที่วิจารณ์พาวเวลล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยอย่างแรงๆ
และนอกจากแต่งตั้งมิแรนแล้ว เดือนที่ผ่านมาทรัมป์ยังพยายามปลดลิซา คุก สมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟดคนแรกที่เป็นผู้หญิงผิวดำ โดยระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จในการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทว่า เมื่อวันจันทร์ (15) ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้คุกอยู่ในตำแหน่งต่อระหว่างสู้คดี ขณะที่คณะบริหารทรัมป์เตรียมยื่นคัดค้านต่อศาลสูงสุด
เกรเกอรี ดาโก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีวาย เตือนว่า จากอดีตที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เฟดอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองแล้ว เศรษฐกิจมักไม่ค่อยดีนัก ซึ่งอาจหมายถึงเงินเฟ้อพุ่งขึ้น การเติบโตลดลง และตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)