xs
xsm
sm
md
lg

ออกอาการ!เขมรครวญไทยตรวจสอบส่งออกทองสูงผิดปกติ โวยหวังทำลายการเติบโต-ชื่อเสียงกัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สื่อเขมรรายงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกหมาดๆของไทย เมื่อวันจันทร์(15ก.ย.) สั่งการให้ลงมือสืบสวนในทันทีต่อการส่งออกทองคำมูลค่ากว่า 2,150 ล้านดอลลาร์(ราว 68,000 ล้านบาท) ไปยังกัมพูชา ต้องสงสัยว่ามีความเป็นไปได้ที่กิจกรรมผิดกฎหมายอาจอยู่เบื้องหลังการส่งออกที่พุ่งสูงผิดปกติ แม้มีการกำหนดข้อจำกัดด้านชายแดนมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน พร้อมอ้างประธานเครือข่ายธุรกิจของเขมร ส่งเสียงโวยวายว่ามันเป็นความพยายามทางการเมืองของไทย ในการบ่อนทำลายการเติบโตในภาคทองคำของกัมพูชาและสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

เว็บไซต์ข่าวขแมร์ไทม์สรายงานว่านายอนุทิน มอบหมายหน้าที่การสืบสวนให้แก่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีคลัง ตามหลังพูดคุยหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์(15ก.ย.)

ในรายงานของขแมร์ไทม์ส ระบุว่าระหว่างการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีของไทยเน้นย้ำว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เร่งด่วน โดยมีเป้าหมายปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเตือนจะดำเนินการทางกฎหมาย ถ้าตรวจสอบพบความผิดปกติใดๆ

ตามข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ของไทย การส่งออกทองคำในช่วง 7 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 254,000 ล้านบาท สอดคล้องกับราคาทองคำโลกที่ปรับขึ้นมาเกือบๆ 40%

ในช่วงเวลาดังกล่าว การส่งออกทองคำไปยังกัมพูชา เพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 68,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 26.8% ของการส่งออกโดยรวม ทำให้ กัมพูชา มีสถานะเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกทองคำรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจาก สวิตเซอร์แลนด์ เท่านั้น

ขแมร์ไทม์ส รายงานว่าการตรวจสอบดังกล่าวอาจก่อผลกระทบแก่กัมพูชาในทันที ในขณะที่บรรดาห้างทองทั้งหลาย เทรดเดอร์ทองและเหล่าผู้ผลิต พึ่งพิงกระแสทองคำจากไทยมาอย่างต่อเนื่อง การกำหนดข้อจำกัด ความล่าช้าหรือยกระดับการตรวบสอบตามกฎระเบียบเข้มข้นขึ้น อาจก่อต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับพวกผู้นำเข้า กัดเซาะอัตราผลกำไรของเหล่าผู้ค้าปลีก และทำให้อำนาจการซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอลง

ด้วยที่ไทยประกาศว่าจะดำเนินการอย่างหนักหน่วงถ้าพบความผิดปกติใดๆ ภาคธุรกิจของกัมพูชาอาจถูกบีบให้หันไปหาซัพพลายเออร์ทางเลือกอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีต้นทุนสูงกว่าเดิม ซึ่งมันจะยิ่งกัดกร่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจนี้และคุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างกว้างขวาง ตามรายงานของขแมร์ไทม์ส

Dr Chhay Sinat ประธานสหพันธ์ผู้ค้าอัญมณีแห่งกัมพูชา(CJF) ระบุว่า CJF มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในกฎเกณฑ์และระบบที่ใช้บริหารจัดการการค้าขายทองคำระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมระบุว่า "อุตสาหกรรมนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดโดยธนาคารชาติแห่งกัมพูชา(NBC) ตามกฎหมายแล้ว ภาคธุรกิจทุกรายจำเป็นต้องขอใบอนุญาจากธนาคารกลางแห่งนี้เพื่อดำเนินงาน และทุกการส่งมอบมีการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรของเรา เพื่อหาสัญญาณของกิจกรรมผิดกฎหมายใดๆ"

ส่วนทาง Chea Chandara ประธานสมาชิกโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานภาคธุรกิจของกัมพูชา(LOSCBA) ให้สัมภาษณ์กับขแมร์ไทม์ส ว่าการตรวจสอบของรัฐบาลไทย สะท้อนถึงความพยายามทางการเมือง ในการหาทางบ่อนทำลายการภาคทองคำที่กำลังเติบโตของกัมพูชาและก่อความเสียหายแก่ชื่อเสียงของกัมพูชาในระดับนานาชาติ

"การตัดสินใจดังกล่าว มีขึ้นตามหลังสื่อมวลชนไทยรายงานอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับความกังวลของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้มีความชี้แจงต่อสาธารณะออกมาแล้วโดยทางกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก" Chea Chandara ระบุ พร้อมบอกต่อว่า "ด้วยความตึงเครียดชายแดนที่โหมกระพือขึ้นรอบใหม่ระหว่าง 2 ชาติ ดูเหมือนไทยจะใช้กลไกต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงนิยายเรื่องเล่าโดยสื่อมวลชน จงใจสร้างความอ่อนแอแก่ความน่าเชื่อถือของกัมพูชา ในด้านการค้าระดับภูมิภาคและในตลาดโลหะมีค่า" เขากล่าว

(ที่มา:ขแมร์ไทม์ส)


กำลังโหลดความคิดเห็น