ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุในวันเสาร์(13ก.ย.) อเมริกาพร้อมกำหนดคว่ำบาตรทางพลังงานรอบใหม่เล่นงานรัสเซีย แต่มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทุกรัฐสมาชิกนาโต(องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) หยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียและบังคับใช้มาตรการแบบเดียวกัน
"ผมพร้อมดำเนินการคว่ำบาตรหลักๆเล่นงานรัสเซีย หากทุกชาติสมาชิกนาโตเห็นด้วยและเริ่มดำเนินการทำแบบเดียวกัน และเมื่อทุกชาติสมาชิกนาโตหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯยกระดับกดดันบรรดาประเทศนาโต ให้ยกระดับคว่ำบาตรทางพลังงานเล่นงานรัสเซีย ในความพยายามช่วยหยุดสงครามของมอสโกในยูเครน ความขัดแย้งที่ ทรัมป์ พยายามหาทางนำไปสู่จุดจบ ถึงขั้นขู่ซ้ำๆว่าจะลงโทษรัสเซียและบรรดาพันธมิตรของมอสโกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ เจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศ ต่อกรณีที่ขู่ซ้ำๆขีดเส้นตาย 2 สัปดาห์ให้รัสเซียลดความตึงเครียด แต่กลับปล่อยให้มันผ่านเลยไปโดยปราศจากการกระทำใดๆที่เป็นรูปเป็นร่าง ทั้งนี้ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยรอยเตอร์/อิปซอส พบว่ามีชาวอเมริกา 54% ในนั้น 1 ใน 5 เป็นชาวรีพับลิกัน เชื่อว่าประธานาธิบดีรายนี้ เป็นแนวร่วมใกล้ชิดกับรัสเซียมากจนเกินไป
"อียูมีส่วนร่วม และจะยังคงมีส่วนร่วม กับทุกคู่หูนานาชาติที่เกี่ยวข้อง ในบริบทของมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียและบังคับใช้แบบเดียวกัน" โฆษกประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจาก เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ตัวประธาน กล่าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระหว่างแถลงนโยบายประจำปี ว่าแพ็คเกจคว่ำบาตรรอบใหม่จะเป็นไปตามกรอบกฎเกณฑ์ของอียู ในนั้นรวมถึง "หลักการที่ยึดถือมาช้านาน ที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรของเราจะไม่ใช้นอกอาณาเขต"
บรรดารัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศจี7 เมื่อวันศุกร์(12ก.ย.) ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์หารือเกี่ยวกับการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียเพิ่มเติม และความเป็นไปได้ของการรีดภาษีประเทศต่างๆที่พวกเขามองว่ามอบอำนาจให้รัสเซียทำสงครามในยูเครน
รายได้ทางพลังงานยังคงเป็นแหล่งเงินสดแหล่งเดียวที่สำคัญที่สุดของเครมลิน สำหรับนำมาสนับสนุนศึกสงครามในยูเครน ที่ผ่านมาการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคือเป้าหมายหลักในมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก แต่พวกเจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์เตือนว่าการจำกัดกระแสน้ำมันดิบของรัสเซียเข้มงวดเกินไป อาจเสี่ยงผลักราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยานและอาจก่อแนวโน้มความตึงเครียดในเศรษฐกิจตะวันตก ซึ่งจะยิ่งกัดกร่อนแรงสนับสนุนของประชาชนที่มีต่อมาตรการดังกล่าว
อ้างอิงจากกลุ่มเอ็นจีโอ "ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์" พบว่านับตั้งแต่ปี 2023 ชาติสมาชิกนาโตอย่างตุรกี เป็นผู้ซื้อนำมันรัสเซียรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 รองจากจีนและอินเดีย นอกจากนี้แล้วยังมีชาติอื่นๆในรัฐสมาชิก 32 รัฐของนาโต ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อน้ำมันรัสเซีย เช่นกัน ในนั้นรวมถึงฮังการีและสโลวาเกีย
ทรัมป์ กล่าวว่านาโต ควรร่วมมือกันทั้งกลุ่มก้อนในการกำหนดมาตรการรีดภาษี 50% ถึง 100% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่เขาอ้างว่าจะช่วยทำให้การยึดโยงทางเศรษฐกิจระหว่างปักกิ่งกับมอสโกอ่อนแอลง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้กำหนดเพดานภาษีอินเดียเพิ่มเติมอีก 25% เพื่อกดดันนิวเดลีให้หยุดซื้อน้ำมันดิบลดราคาจากรัสเซีย ส่งผลให้ภาษีลงโทษโดยรวมที่กำหนดเล่นงานสินค้านำเข้าจากอินเดีย แตะระดับ 50% กัดเซาะการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ชาติ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ กลับละเว้นไว้ซึ่งการเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ต่อกรณีที่ปักกิ่งยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย ในขณะที่รัฐบาลของเขากำลังหาทางบรรลุข้อตกลงการค้ากับปักกิ่ง
(ที่มา:รอยเตอร์)