วอชิงตันกำลังหาทางเข้าถึงทรัพยากรทางธรรมชาติของเวเนซุเอลา จากคำกล่าวของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์เมื่อวันอังคาร(9 ก.ย.) ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อกรณีที่กองเรือรบสหรัฐฯเดินทางมายังนอกชายฝั่งของประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุคำกล่าวอ้างของอเมริกาที่ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการยกระดับต่อสู้กับขบวนการลักลอบขนยาเสพติดนั้น เป็นเพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมของสหรัฐฯ
เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯส่งเรือของกองทัพเรือ 8 ลำและเรือดำน้ำโจมตีลำหนึ่งเข้ามายังภูมิภาค โดยคาดหมายว่ามีกำลังพลราวๆ 4,000 นาย เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์เมื่อวันอังคาร(9 ก.ย.) มาดูโร อ้างว่าปฏิบัติการของสหรัฐฯ "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนยาเสพติด พวกเขาต้องการน้ำมันและก๊าซ" และระบุว่า "เวเนซุเอลามีแหล่งสำรองน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลก และมีแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก" พร้อมอวดอ้างว่าบางทีประเทศของเขาอาจเป็นแหล่งสำรองทองคำใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
เขาส่งเสียงคร่ำครวญต่อว่าพฤติกรรมก้าวร้าวของวอชิงตันที่มีต่อการากัสในครั้งนี้ ถือว่าเลวร้ายกว่าครั้งไหนๆที่เคยพบเห็นในภูมิภาคนับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 มาดูโรบอกต่อว่าพฤติกรรมเหล่านี้ที่มีต่อเวเนซุเอลา ประจวบเหมาะพอดีกับแผนสงครามอย่างกว้างๆของสหรัฐฯ ที่เชื่อว่ามีเป้าหมายกดขี่ปราบปรามทั่วทั้งโลก เพื่อให้ทำตามความประสงค์ของอเมริกา
"แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เวลานี้เรามีโลกหลายขั้ว ภายใต้ศูนย์กลางอำนาจใหม่ อย่างเช่นจีน รัสเซียและอินเดีย" เขาโต้แย้ง
นอกจากนี้แล้ว มาดูโร ยังปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่า เวเนซุเอลา เป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่และเป็นศูนย์กลางลักลอบขนยาเสพติด เขายืนยันว่าเวเนซุเอลาได้กำหนดปฏิบัติการค้าขายรายใหญ่ๆทั้งหมดในแผ่นดินแล้ว และปราบปรามแก๊งอาชญากรรมชื่อดังต่างๆ ในนั้นรวมถึงแก๊งเทรน เดอ อารากัว
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดมานานหลายปี วอชิงตันปฏิเสธรับรองผลการเลือกตั้งปี 2018 ที่ มาดูโร ได้รับชัยชนะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย และหันไปสนับสนุนฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาแทน พร้อมกับกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมเล่นงานประเทศแห่งนี้
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)