ทหารเนปาลออกลาดตระเวนฟื้นความสงบเรียบร้อยทั่วเมืองหลวงกาฐมาณฑุในวันพุธ (10 ก.ย.) และบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านต่อไปอีก ภายหลังผู้คนนับหมื่นประท้วงนองเลือดเมื่อวันอังคาร (9) โดยมีการบุกเผาอาคารที่ทำการรัฐบาลและทำร้ายนักการเมือง แม้นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ประกาศยอมลาออกก็ตาม
บรรยากาศในกาฐมาณฑุเริ่มสงบลงในวันพุธ ภายหลังทหารออกลาดตระเวนตามพื้นที่สำคัญ รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนว่า ยังคงบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวจนถึงเช้าวันพฤหัสฯ (11)
กองทัพเนปาลแถลงเตือนเมื่อคืนวันอังคาร (9 ก.ย.) ว่า กองกำลังความมั่นคงจะปกป้องความสงบเรียบร้อยของประเทศ ทั้งนี้ในเนปาล การที่ทหารออกมาแทรกแซงรับหน้าที่ดูแลความสงบภายในประเทศถือเป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก สำหรับในครั้งนี้เห็นกันว่าตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อันร้อนระอุได้
คำแถลงของกองทัพยังระบุว่า ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจี้ปล้นเป็นจำนวน 27 คน
พลเอกอะโชค ราช ซิกเดล ผู้บัญชาการกองทัพเนปาล ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงยุติการเคลื่อนไหวและแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา
สื่อท้องถิ่นรายงานในวันพุธว่า มีการเตรียมการหารือระหว่างทางการกับผู้ประท้วง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่บาราลาม เค.ซี. อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุด เรียกร้องให้ผู้ประท้วงจัดทีมเจรจา และขอให้กองทัพช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย รวมทั้งเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่
ก่อนหน้านั้น ในวันอังคาร การประท้วงที่ผู้เข้าร่วมสำคัญคือกลุ่มคนหนุ่มสาวซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นคนรุ่น Gen Z ได้ลุกลามกลายเป็นความรุนแรง มีการจุดไฟเผาอาคารของรัฐบาลและบ้านพักนักการเมืองบางคน แม้ในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรีโอลีจะประกาศลาออก แต่แทบไม่ช่วยให้สถานการณ์ความไม่สงบบรรเทาลงเลย
ผู้ประท้วงนับหมื่นยังคงออกมาระบายความโกรธแค้นบนท้องถนน บุกอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง รวมทั้งบ้านพักของพวกนักการเมือง และจุดไฟเผา และกองทัพต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ไปนำรัฐมนตรีบางคนไปยังสถานที่ปลอดภัย
นอกจากนั้นมีรายงานว่านักโทษหลายร้อยคนได้หลบหนีออกจากเรือนจำในกาฐมาณฑุและเมืองอื่นๆ หลังจากผู้ประท้วงจำนวนมากไล่ทำร้ายกองกำลังรักษาความปลอดภัย

ฟางเส้นสุดท้าย!แบนโซเชียลมีเดีย
ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ การประท้วงที่นำโดยกลุ่ม “Gen Z” ซึ่งโกรธแค้นที่รัฐบาลประกาศแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนับสิบแห่ง ได้ลุกลามจนมีการปะทะและตำรวจยิงใส่ฝูงชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 คน
วันต่อมาแม้รัฐบาลยอมยกเลิกการแบนโซเชียลมีเดีย แต่ไม่สามารถหยุดการประท้วงได้เนื่องจากผู้คนเดือดดาลการใช้ความรุนแรงของตำรวจ รวมทั้งกล่าวหาแสดงความเคียดแค้นนักการเมืองคอร์รัปชัน
หนุ่มสาวมากมายโกรธแค้นที่บรรดาลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตอย่างหรูหราและได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ขณะที่พวกตนต้องดิ้นรนเพื่อให้มีงานทำ ทั้งนี้จากข้อมูลของธนาคารโลก อัตราว่างงานของหนุ่มสาวเนปาลอยู่ที่ราว 20% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลประเมินว่า แต่ละวันมีหนุ่มสาวกว่า 2,000 คนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปหางานทำในตะวันออกกลาง หรือไม่ก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประธานาธิบดีรามจันทรา เปาเดล เรียกร้องให้ผู้ประท้วงแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และยอมรับการลาออกของโอลี แต่ขอให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการไปก่อนจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้ล่าสุดยังไม่มีข้อมูลว่า โอลีอยู่ที่ใดก็ตาม
ระบายแค้นนักการเมือง
จากคลิปวิดีโอช่วงที่การประท้วงบานปลายเป็นการจลาจล ซึ่งมีผู้นำออกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นพวกผู้ประท้วงไล่ทุบตีเชอร์ บาฮาดูร์ ดิวบา ผู้นำพรรคคองเกรสเนปาล และภรรยา อาร์ซู รานา ดิวบา ที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยพรรคนี้เป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดและร่วมตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ก่อนหน้านั้นยังมีรายงานว่า ราชยาลักษมี จิตราการ ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีจาลานาถ คานาล เสียชีวิตหลังถูกผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งขังเธอเอาไว้ในบ้านและจุดไฟเผา
ทั้งอาคารรัฐสภา ศาลสูงสุด ทำเนียบประธานาธิบดี และสำนักเลขาธิการที่เป็นที่ตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีและที่ทำงานของรัฐมนตรีสำคัญๆ รวมถึงบ้านพักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีล้วนถูกผู้ประท้วงจุดไฟเผา
กระทรวงสาธารณสุขของเนปาลรายงานตัวเลขจนถึงวันพุธ (10) ว่า เหตุประท้วงทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 25 คน ซึ่งรวมถึง 19 คนที่มีการรายงานไปก่อนหนานี้ นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 633 คน
(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)
บรรยากาศในกาฐมาณฑุเริ่มสงบลงในวันพุธ ภายหลังทหารออกลาดตระเวนตามพื้นที่สำคัญ รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนว่า ยังคงบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวจนถึงเช้าวันพฤหัสฯ (11)
กองทัพเนปาลแถลงเตือนเมื่อคืนวันอังคาร (9 ก.ย.) ว่า กองกำลังความมั่นคงจะปกป้องความสงบเรียบร้อยของประเทศ ทั้งนี้ในเนปาล การที่ทหารออกมาแทรกแซงรับหน้าที่ดูแลความสงบภายในประเทศถือเป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก สำหรับในครั้งนี้เห็นกันว่าตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อันร้อนระอุได้
คำแถลงของกองทัพยังระบุว่า ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจี้ปล้นเป็นจำนวน 27 คน
พลเอกอะโชค ราช ซิกเดล ผู้บัญชาการกองทัพเนปาล ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงยุติการเคลื่อนไหวและแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา
สื่อท้องถิ่นรายงานในวันพุธว่า มีการเตรียมการหารือระหว่างทางการกับผู้ประท้วง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่บาราลาม เค.ซี. อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุด เรียกร้องให้ผู้ประท้วงจัดทีมเจรจา และขอให้กองทัพช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย รวมทั้งเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่
ก่อนหน้านั้น ในวันอังคาร การประท้วงที่ผู้เข้าร่วมสำคัญคือกลุ่มคนหนุ่มสาวซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นคนรุ่น Gen Z ได้ลุกลามกลายเป็นความรุนแรง มีการจุดไฟเผาอาคารของรัฐบาลและบ้านพักนักการเมืองบางคน แม้ในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรีโอลีจะประกาศลาออก แต่แทบไม่ช่วยให้สถานการณ์ความไม่สงบบรรเทาลงเลย
ผู้ประท้วงนับหมื่นยังคงออกมาระบายความโกรธแค้นบนท้องถนน บุกอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง รวมทั้งบ้านพักของพวกนักการเมือง และจุดไฟเผา และกองทัพต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ไปนำรัฐมนตรีบางคนไปยังสถานที่ปลอดภัย
นอกจากนั้นมีรายงานว่านักโทษหลายร้อยคนได้หลบหนีออกจากเรือนจำในกาฐมาณฑุและเมืองอื่นๆ หลังจากผู้ประท้วงจำนวนมากไล่ทำร้ายกองกำลังรักษาความปลอดภัย
ฟางเส้นสุดท้าย!แบนโซเชียลมีเดีย
ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ การประท้วงที่นำโดยกลุ่ม “Gen Z” ซึ่งโกรธแค้นที่รัฐบาลประกาศแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนับสิบแห่ง ได้ลุกลามจนมีการปะทะและตำรวจยิงใส่ฝูงชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 คน
วันต่อมาแม้รัฐบาลยอมยกเลิกการแบนโซเชียลมีเดีย แต่ไม่สามารถหยุดการประท้วงได้เนื่องจากผู้คนเดือดดาลการใช้ความรุนแรงของตำรวจ รวมทั้งกล่าวหาแสดงความเคียดแค้นนักการเมืองคอร์รัปชัน
หนุ่มสาวมากมายโกรธแค้นที่บรรดาลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตอย่างหรูหราและได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ขณะที่พวกตนต้องดิ้นรนเพื่อให้มีงานทำ ทั้งนี้จากข้อมูลของธนาคารโลก อัตราว่างงานของหนุ่มสาวเนปาลอยู่ที่ราว 20% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลประเมินว่า แต่ละวันมีหนุ่มสาวกว่า 2,000 คนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปหางานทำในตะวันออกกลาง หรือไม่ก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประธานาธิบดีรามจันทรา เปาเดล เรียกร้องให้ผู้ประท้วงแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และยอมรับการลาออกของโอลี แต่ขอให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการไปก่อนจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้ล่าสุดยังไม่มีข้อมูลว่า โอลีอยู่ที่ใดก็ตาม
ระบายแค้นนักการเมือง
จากคลิปวิดีโอช่วงที่การประท้วงบานปลายเป็นการจลาจล ซึ่งมีผู้นำออกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นพวกผู้ประท้วงไล่ทุบตีเชอร์ บาฮาดูร์ ดิวบา ผู้นำพรรคคองเกรสเนปาล และภรรยา อาร์ซู รานา ดิวบา ที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยพรรคนี้เป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดและร่วมตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ก่อนหน้านั้นยังมีรายงานว่า ราชยาลักษมี จิตราการ ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีจาลานาถ คานาล เสียชีวิตหลังถูกผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งขังเธอเอาไว้ในบ้านและจุดไฟเผา
ทั้งอาคารรัฐสภา ศาลสูงสุด ทำเนียบประธานาธิบดี และสำนักเลขาธิการที่เป็นที่ตั้งสำนักนายกรัฐมนตรีและที่ทำงานของรัฐมนตรีสำคัญๆ รวมถึงบ้านพักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีล้วนถูกผู้ประท้วงจุดไฟเผา
กระทรวงสาธารณสุขของเนปาลรายงานตัวเลขจนถึงวันพุธ (10) ว่า เหตุประท้วงทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 25 คน ซึ่งรวมถึง 19 คนที่มีการรายงานไปก่อนหนานี้ นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 633 คน
(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)