รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯระบุ คณะบริหารทรัมป์กังวลกับเรื่องคุณภาพข้อตกลงการค้ามากกว่ากำหนดเวลา และจะไม่รีบร้อนเจรจา ส่วนจะขยายเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมหรือไม่นั้น ประธานาธิบดีจะเป็นคนตัดสินใจ ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวแย้มคณะทำงานวอชิงตัน-ปักกิ่งกำลังหารือความเป็นไปได้ที่ผู้นำของสองประเทศอาจได้พบกันระหว่างที่ทรัมป์เยือนเอเชียปลายปีนี้
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี ทีวีช่องข่าวการเงินของสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เร่งรัดเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า แม้ว่าจะใกล้ถึงกำหนดเส้นตายที่ขีดไว้ในวันที่ 1 ส.ค. นี้ โดยจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อตกลงมากกว่า
เมื่อถูกถามว่า จะมีการขยายเส้นตายสำหรับประเทศที่การเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีหรือไม่นั้น เบสเซนต์ตอบว่า ทรัมป์จะเป็นคนตัดสินใจ แต่สำทับว่า ถ้าอเมริกายืนยันเส้นตายเดิม อัตราภาษีศุลกากรซึ่งกำหนดไว้ในระดับสูง ก็จะยิ่งเพิ่มความกดดันให้ประเทศเหล่านั้นต้องยื่นข้อเสนอที่ดีขึ้นให้สหรัฐฯพิจารณา
ทรัมป์กำลังทำให้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนกลับหัวกลับหาง ด้วยสงครามการค้าที่พุ่งเป้าเล่นงานชาติคู่ค้าส่วนใหญ่ของอเมริกา ทว่าจนถึงตอนนี้คณะบริหารของเขาก็ยังไม่สามารถทำได้ตามที่ลั่นปากมาโดยตลอดที่ว่า จะบรรลุข้อตกลงกับนับสิบๆ ประเทศ ขณะที่การเจรจาซึ่งสหรัฐฯทำอยู่เวลานี้ ไม่ว่ากับอินเดีย สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติ ได้รับการพิสูจน์ว่า ต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คาดคิดไว้
วันเดียวกันนี้ แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันอังคาร (22) ทรัมป์มีกำหนดการหารือเกี่ยวกับการค้ากับประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ ที่ไปเยือนทำเนียบขาว
เลวิตต์เสริมว่า คณะบริหารยังคงเจรจากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก และอาจประกาศข้อตกลงการค้าเพิ่มเติมหรือส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่กับประเทศต่างๆ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 เดือนหน้า
การแถลงของเลวิตต์เกิดขึ้นขณะที่นักการทูตของอียูเผยว่า บรัสเซลส์กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายมาตรการตอบโต้อเมริกาที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนแนวโน้มริบหรี่ลงที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงที่เป็นที่ยอมรับได้
มีรายงานด้วยว่า ชาติสมาชิกอียูจำนวนมากขึ้นที่รวมถึงเยอรมนี กำลังพิจารณาใช้มาตรการ “ตอบโต้การข่มขู่” ซึ่งจะเปิดทางให้อียูเล็งเป้าเล่นงานภาคบริการของอเมริกาหรือจำกัดการเข้าถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐบาลในยุโรป หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
นายกรัฐมนตรีฟรีดิช เมร์ซ ของเยอรมนี แถลงว่า การเจรจาเรื่องระดับภาษีศุลกากรตึงเครียดอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า ทางฝ่ายอเมริกาไม่ยินดียอมรับข้อตกลงภาษีที่เท่าเทียมกัน
ในส่วนจีนนั้น เบสเซนต์บอกว่า อาจมีการเจรจาข้อตกลงการค้าในอนาคตอันใกล้มาก และเสริมว่า การค้าระหว่างกันขณะนี้เป็นไปด้วยดี อเมริกาจึงอาจเริ่มต้นหารือในเรื่องอื่นๆ ด้วย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า จีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สำหรับน้ำมันอิหร่านและรัสเซียที่ถูกแซงก์ชัน
เบสเซนต์สำทับว่า อาจมีการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาใหญ่บางอย่างที่ถูกปล่อยปละละเลยมาโดยตลอดซึ่งหมายถึงการปรับสมดุลทางด้านการค้าครั้งใหญ่ที่จีนจำเป็นต้องดำเนินการ ทั้งนี้ อเมริการ้องเรียนมานานแล้วเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า จีนกำลังมีการผลิตล้นเกินในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่รวมถึงเหล็กกล้า ขณะที่ปักกิ่งไม่ยอมรับเรื่องนี้ โดยตอบโต้ว่าเป็นการกล่าวหาซึ่งมาจากแข่งขันสู้สินค้าจีนไม่ได้
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าววงในเผยว่า บรรดาผู้ช่วยของทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้นำทั้งคู่อาจได้พบกันระหว่างที่ทรัมป์เยือนเอเชียปลายปีนี้
แม้ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายเกี่ยวกับแผนการพบปะกัน แต่ทั้งสองประเทศกำลังหารือซึ่งรวมถึงประเด็นที่ทรัมป์อาจแวะปักกิ่งระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เกาหลีใต้ หรือประชุมหารือข้างเคียงกับ สี ระหว่างการประชุมซัมมิตดังกล่าวที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตันยังเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนเชิญประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงอเมริกา ร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 80 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปักกิ่งในวันที่ 3 ก.ย.
ด้านทำเนียบเครมลินแถลงในวันจันทร์ (21) ว่าไม่บอกปัดความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะพบปะหารือกับ ทรัมป์ ในกรุงปักกิ่ง หากผู้นำสหรัฐฯตัดสินใจเข้าร่วมพิธีรำลึกดังกล่าวด้วย สำหรับปูตินนั้นได้ยืนยันเข้าร่วมแล้ว
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามลดความตึงเครียดกับปักกิ่งหลังจากทั้งสองประเทศตกลงสงบศึกภาษีศุลกากรชั่วคราว ซึ่งทรัมป์กำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงภาษีศุลกากรที่ยั่งยืนภายในวันที่ 12 ส.ค. โดยที่รายงานหลายกระแสระบุว่าน่าจะมีการตกลงเลื่อนเส้นตายนี้ออกไปอีก
นับจากเดือนเมษายนทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศ เวลาเดียวกันก็จะเก็บภาษีในอัตราสูงกว่านี้จากชาติคู่ค้าหลายสิบประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนที่ถูกรีดภาษีหนักที่สุดคือ 55%
กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ในความสัมพันธ์จีน-อเมริกา การทูตระหว่างผู้นำ มีบทบาทสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อย่างชนิดที่ไม่มีอย่างอื่นสามารถทดแทนได้ แต่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ สี จะพบกับ ทรัมป์
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเจนซีส์)