ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (17 ก.ค.) ว่า บริษัท โคคา-โคลา ตกลงที่จะเปลี่ยนไปใช้น้ำตาลอ้อยแทนน้ำเชื่อมข้าวโพดสำหรับเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ หลังจากที่ตนได้มีการหารือกับทางบริษัท
ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ว่า “ผมได้คุยกับทาง โคคา-โคลา ให้เปลี่ยนไปใช้น้ำตาลอ้อยที่แท้จริงในเครื่องดื่มโค้กที่ขายในสหรัฐฯ และพวกเขาก็ตกลงจะทำตามนี้ ผมต้องขอขอบคุณผู้มีอำนาจทุกฝ่ายในโคคา-โคลาด้วย”
โฆษกของ โคคา-โคลา เปิดเผยว่า บริษัทซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองแอตแลนตาจะแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอใหม่ๆ เร็วๆ นี้ พร้อมแสดงความขอบคุณที่ ทรัมป์ ให้ความสนใจต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท
เครื่องดื่มของ โคคา-โคลา ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ จะใช้น้ำเชื่อมข้าวโพด (corn syrup) เป็นสารให้ความหวาน ขณะที่บริษัทจะใช้น้ำตาลอ้อยกับเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในบางประเทศ
โครงการริเริ่ม Make America Healthy Again (MAHA) ซึ่งตั้งชื่อให้พ้องกับขบวนการขับเคลื่อนทางสังคมของทรัมป์ ได้ร่วมมือกับ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ในการผลักดันให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มต่างๆเลิกใช้ส่วนประกอบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค เช่น สีสังเคราะห์ เป็นต้น
เคนเนดี ยังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปริมาณน้ำตาลที่คนอเมริกันบริโภค และเตรียมออกข้อแนะนำด้านการบริโภคอาหารฉบับปรับปรุงใหม่ในฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งจะแนะให้คนอเมริกันหันมารับประทานอาหารที่ผ่านการดัดแปลงหรือปรุงแต่งน้อยที่สุด (whole food)
คณะกรรมาธิการ MAHA ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ ทรัมป์ มอบหมายให้ไปตรวจสอบต้นตอของโรคเรื้อรังต่างๆ ได้เผยแพร่รายงานเมื่อเดือน พ.ค. ว่า การบริโภคน้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูงมีส่วนทำให้เด็กๆ ป่วยเป็นโรคอ้วนและโรคอื่นๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แนะนำให้ผู้บริโภคจำกัดปริมาณน้ำตาลในอาหาร ทว่ายังไม่เคยมีการระบุชี้ชัดลงไปว่า น้ำตาลอ้อยกับน้ำเชื่อมข้าวโพดนั้นจะให้ผลต่อสุขภาพที่แตกต่างกันอย่างไร
กลุ่มผู้ผลิตข้าวโพดนั้นกระจุกตัวอยู่ในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ และมีอิทธิพลค่อนข้างสูงต่อนักการเมืองในวอชิงตันมาช้านาน ขณะที่รัฐฟลอริดาซึ่งเป็นบ้านของ ทรัมป์ ถือเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลอ้อยรายใหญ่ของประเทศ
จอห์น โบด ประธานและผู้บริหารสมาคมผู้ผลิตน้ำตาลจากข้าวโพด (Corn Refiners Association) ของสหรัฐฯ ออกมาโต้แย้งว่า “การใช้น้ำตาลอ้อยแทนน้ำเชื่อมข้าวโพดเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล” พร้อมชี้ว่า “การเอาน้ำตาลอ้อยมาใช้แทนน้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูงนั้นจะทำให้อุตสาหกรรมอาหารของอเมริกาต้องมีการปลดคนงานออกหลายพันตำแหน่ง กระทบต่อรายได้ของฟาร์มเกษตร และกระตุ้นให้มีการนำเข้าน้ำตาลจากต่างประเทศที่ไม่มีประโยชน์ในทางโภชนาการใดๆ เลย”
ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในประเด็นนี้
รัฐบาล ทรัมป์ ได้อนุมัติตามคำร้องขอของบางรัฐที่ให้เครื่องดื่มอัดลมต่างๆ ไม่ถูกรวมอยู่ในโครงการ Supplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือด้านอาหารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในความเคลื่อนไหวที่เพิ่มแรงกดดันต่อผู้ผลิตเครื่องดื่มอย่างโคคา-โคลา และ PepsiCo
ที่มา: รอยเตอร์