xs
xsm
sm
md
lg

ไหวไหมเขมร!เตือนกัมพูชาเจ็บหนักหลังทรัมป์ไม่ต่ออายุผ่อนผันภาษี พบพึ่งพิงส่งออกไปUS-แนะหันหน้าหาชาติเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่ขยายกรอบเวลาของการผ่อนผันมาตรการรีดภาษีทั่วโลก นั่นหมายความว่าเพดานภาษี 49% ที่สหรัฐฯเรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากกัมพูชา จะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ความเคลื่อนไหวที่นักวิเคราะห์เตือนว่าจะก่อผลลัพธ์อย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งพึ่งพิงการค้ากับอเมริกาเป็นอย่างมาก

ตามรายงานข่าวของคิริโพสต์ สื่อมวลชนกัมพูชา ระบุว่ากัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มูลค่าราวๆ 10,000 ล้านดอลลาร์(ราว 3.2 แสนล้านบาท) ในแต่ละปี คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 38% ของการส่งออกทั้งหมด

คิริโพสต์ระบุว่าภาคที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด ประกอบด้วย เสื้อผ้า, รองเท้า, ยาง, พลาสติก และเครื่องหนัง ทั้งหมดถือเป็นอุตสาหกรรมหลักในเศรษฐกิจมูลค่า 49,800 ล้านดอลลาร์ของกัมพูชา(ราว 1.5 ล้านล้านบาท) และถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่จ้างงานคนจำนวนมากทั่วประเทศ

Hong Vannak นักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจจากราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา กล่าวว่ามาตรการรีดภาษีใหม่ของสหรัฐฯจะทำให้สินค้าของกัมพูชาแพงขึ้นกว่าเดิมในตลาดอเมริกา บ่อนทำลายศักยภาพการแข่งขัน พร้อมเตือนคาดหมายว่าจะมีคนตกงานในภาคเสื้อผ้าและรองเท้า อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานชาวกัมพูชาหลายแสนคน

นอกจากนี้แล้วยังมีความกังวลว่าความเคลื่อนไหวรีดภาษีของสหรัฐฯ อาจก่อความท้อแท้แก่พวกนักลงทุนจีน ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาพื้นฐานด้านการผลิตของกัมพูชา ซึ่งถ้านักลงทุนจีนย้ายฐานปฏิบัติการไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาค นิเวศวิทยาอุตสาหกรรมของกัมพูชาอาจได้รับความเสียหายในระยะยาว

กัมพูชา เสร็จสิ้นการเจรจากับสหรัฐฯไปแล้ว 2 รอบในปี 2025 รอบแรกเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม และอีกรอบเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งทั้ง 2 รอบจัดขึ้นในกรุงวอชิงตัน อย่างไรก็ตามแม้มีความคืบหน้าบ้าง แต่เป็นที่เข้าใจว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่บรรลุข้อตกลงที่เป็นรูปเป็นร่าง

เมื่อเร็วๆนี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ "มูดีส์" ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกัมพูชาสู่แดนลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสืบเนื่องจากความไม่แน่นอน อันมีต้นตอจากภัยคุกคามของมาตรการรีดภาษี

ซุน จันทอล รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่าได้มีการยื่นเอกสารสำคัญๆ 3 รายการ สำหรับการเจรจาผ่อนปรนรีดภาษีรอบ 3 ด้วยความหวังว่าจะบรรลุผลลัพธ์ในแง่บวก เพื่อคลี่คลายข้อจำกัดทางการค้าระหว่าง 2 ชาติ

Vannak บอกว่าสถานการณ์ของมาตรการรีดภาษียังคงไม่ชัดเจน และดูเหมือนจำเป็นต้องพึ่งพิงความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่ามาตรการรีดภาษีของทรัมป์ จะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคสหรัฐฯเช่นกัน

Seun Sam นักวิเคราะห์ด้านนโยายแห่งราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา แสดงความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงหนึ่งๆได้ "หากแม้นเพดานภาษีไม่ปรับลดลงมสู่ระดับปกติ 10-20% การปรับลดใดๆก็จะยังช่วยได้อยู่ดี สหรัฐฯยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับเรา"

อย่างไรก็ตามเขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องลดพึ่งพิงตลาดเดียว "กัมพูชาไม่ควรโฟกัสแค่เพียงสหรัฐฯ เราจำเป็นต้องกระจายไปยังเพื่อนบ้าน แต่เพื่อประสบความสำเร็จใดๆในตลาดเสรี เราต้องมีศักยภาพในการแข่งขันในในแง่คุณภาพและการผลิต"

เขาบอกว่ากระทรวงพาณิชย์เตรียมพร้อมรับมือกับการเจรจาเป็นอย่างดี แต่เตือนว่าหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจารอบ 3 ผลกระทบจะหนักหน่วงมาก "มาตรการรีดภาษีนี้ไม่ได้แแค่กระทบกับกัมพูชา แต่ทั่วโลก กระทบกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้และอื่นๆ ถ้าไม่มีข้อตกลง เราอาจได้เห็นผลลัพธ์สาหัส"

Sam แนะนำรัฐบาลให้สำรวจหาโอกาสกระตุ้นการเติบโตภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว "ถ้าผู้คนสามารถหางานได้ภายในชุมชน พวกเขาจะหาเลี้ยงชีพได้ และไม่จำเป็นต้องโยกย้ายถิ่นฐานหรือวิจารณ์รัฐบาล"

นอกจากนี้แล้วเขายังแนะนำให้ผ่อนปรนวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับผู้มาเยือนจากจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

(ที่มา:คิริโพสต์)


กำลังโหลดความคิดเห็น