รัฐสภายูเครนผ่านร่างกฎหมาย 2 ฉบับซึ่งกำหนดมาตรการแบนหนังสือและบทเพลงของรัสเซียบางส่วนเมื่อวันอาทิตย์ (19 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของเคียฟที่จะตัดขาดสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่มีร่วมกับแดนหมีขาว
กฎหมายฉบับแรกสั่งห้ามการตีพิมพ์หนังสือที่แต่งโดยชาวรัสเซีย เว้นเสียแต่พวกเขาจะสละหนังสือเดินทางรัสเซียและยอมเปลี่ยนมาถือสัญชาติยูเครน โดยคำสั่งนี้มีผลเฉพาะกับผู้ที่เลือกถือสัญชาติรัสเซียภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้นำเข้าในเชิงพาณิชย์สำหรับหนังสือที่พิมพ์ในรัสเซีย เบลารุส และดินแดนยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองอยู่ ส่วนการนำเข้าหนังสือภาษารัสเซียจากประเทศอื่นๆ จะต้องมีการขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษด้วย
กฎหมายฉบับที่ 2 ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนและระบบขนส่งสาธารณะยูเครนเปิดเพลงที่แต่งโดยชาวรัสเซียหลังปี 1991 และให้เพิ่มสัดส่วนการเผยแพร่สุนทรพจน์และดนตรีที่แต่งโดยชาวยูเครนเอง ทั้งในสื่อโทรทัศน์และวิทยุ
กฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะถูกส่งไปให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งผู้นำยูเครนก็ไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้านแต่อย่างใด
โอเล็กซานดร์ ทกาเชนโก (Oleksandr Tkachenko) รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมยูเครน แถลงว่าตนรู้สึก “ยินดี” อย่างยิ่งที่รัฐสภาออกข้อจำกัดใหม่ๆ เหล่านี้
“กฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ประพันธ์ชาวยูเครนได้มีโอกาสแชร์ผลงานอย่างกว้างขวางต่อสาธารณชน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ยอมรับผลงานสร้างสรรค์ของชาวรัสเซียอีกต่อไปหลังจากที่รัสเซียส่งทหารรุกรานประเทศของเรา” เว็บไซต์คณะรัฐมนตรียูเครนอ้างคำแถลงของทกาเชนโก
รัฐบาลยูเครนระบุว่า การปลีกตัวออกห่างจากวัฒนธรรมรัสเซียซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า “decommunisation” แต่ปัจจุบันมักเรียกกันว่า “derussification” คือสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะปลดเปลื้องนโยบายกดขี่อัตลักษณ์ของชาวยูเครนที่ถูกใช้มานานหลายร้อยปี
รัสเซียไม่เห็นด้วยกับเหตุผลเหล่านี้ และอ้างว่านโยบายของเคียฟที่ส่งเสริมให้มีการใช้ภาษายูเครนในชีวิตประจำวันเป็นการกดขี่ประชากรที่พูดภาษารัสเซีย และ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของมอสโกในยูเครนก็เป็นไปเพื่อปกป้องคนกลุ่มนี้
ที่มา : เอเอฟพี