เอพี – บรรดาชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ในอิรักต่างพากันโกรธแค้นนาวิกโยธินสหรัฐฯ หลังทราบข่าวการสังหารสมาชิกกลุ่มต่อต้านผู้บาดเจ็บและไร้อาวุธ ที่พักอยู่ในสุเหร่าแห่งหนึ่งในเมืองฟัลลูญะห์ และจากเหตุการณ์นี้ก็ได้ก่อให้เกิดประเด็นเรื่อง สิทธิความคุ้มครองของกลุ่มต่อต้านที่ได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์ยิงกลุ่มต่อต้านชาวอิรักที่ได้รับบาดเจ็บ (อ่านรายละเอียด) อาจทำให้รัฐบาลของ อิยาด อะลาวีย์ นายกรัฐมนตรีอิรักรวมถึงสหรัฐฯต้องเผชิญปัญหาทางการเมืองครั้งใหญ่ เพราะนอกจากเจ้าหน้าที่ชาวอิรักจะต้องหาทางยุติความไม่พอใจของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ จากการที่สหรัฐฯได้บุกยึดเข้าไปในเมืองฟัลลูญะห์ อดีตฐานที่มั่นของกลุ่มต่อต้าน ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่นั้น ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทั้งชาวอิรักและอเมริกันก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้ชาวอิรักที่นับถือนิกายสุหนี่ รู้สึกเดือดดาลหลังจากได้ชมภาพเหตุการณ์การยิงกลุ่มต่อต้านที่บาดเจ็บ ซึ่งสถานีโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ได้นำไปออกอากาศให้ชมกันตลอดทั้งวัน
เควิน ไซต์ส ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ผู้บันทึกภาพเหตุการณ์การยิงกลุ่มต่อต้านที่ได้รับบาดเจ็บในสุเหร่าซึ่งออกอากาศในวันจันทร์(15)รายงานว่าชายที่ถูกยิงดูไม่เหมือนว่าจะมีอาวุธ หรืออาจทำอันตรายได้แม้แต่น้อย นอกจากนั้นในสุเหร่าก็ไม่มีอาวุธให้เห็น
จากคำแถลงการณ์ของหน่วยนาวิกโยธินที่1ระบุว่า ทางหน่วยกำลังดำเนินการสอบสวน “เพื่อตัดสินว่าการกระทำของนาวิกโยธินนั้น เป็นการป้องกันตัว ฝ่าฝืนกฎของกองทัพ หรือเกิดจากนาวิกโยธินไม่ปฏิบัติตามกฎในการเผชิญหน้ากับศัตรู”
ทั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนานาชาติกล่าวว่า การคุ้มครองนักรบที่บาดเจ็บซึ่งไม่ได้ต่อสู้ขัดขืนนั้น เป็นกฎขั้นพื้นฐานในการทำสงคราม แต่การกระทำของนาวิกโยธินในวีดีโอก็อาจเป็นไปเพื่อป้องกันตัว
ชาร์ลส์ เฮแมน อดีตทหารผ่านศึกชาวอังกฤษ และนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระดับอาวุโสของบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนกล่าวว่า ทหารถูกฝึกให้คิดว่าศัตรู “จะอันตรายที่สุดก็ต่อเมื่อกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอาจจะยิงเราด้วยปืนที่ซ่อนเอาไว้ หรืออาจจะขว้างระเบิดใส่ได้ และถ้าหากศัตรูเคลื่อนไหวร่างกายเพียงนิดเดียว ผมก็คิดว่าพวกเขาคงตัดสินใจที่ยิงศัตรู”
ฟาละห์ ฮัสซัน อัลนากิบรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอิรัก ซึ่งนับถือนิกายสุหนี่ กล่าวในการแถลงข่าวว่า “แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่พวกนักรบในเมืองฟัลลูญะห์นั้นเป็นฆาตกรและอาชญากรที่ก่อคดีเหี้ยมโหด” จนถึงตอนนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้นับถือนิกายชีอะห์ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของอิรักจะใส่ใจเกี่ยวกับเหตุการณ์การยิงกลุ่มต่อต้านครั้งนี้มากน้อยเพียงไร
เมื่อไปถามความคิดเห็นของชาวอิรักในกรุงแบกแดด เมย์ซูน เฮอร์มิซ แม่ค้าในกรุงแบกแดดวัย 36 ปี ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ได้กล่าวว่า เธอไม่พอใจกับคำประกาศของกองทัพสหรัฐฯ ในการย้ายนาวิกโยธินคนดังกล่าวออกจากสนามรบ และจะทำการสอบสวน “พวกเขาก็พูดและทำเหมือนที่พวกเขาได้ทำกับทหารที่ได้กระทำทารุณกรรมนักโทษอิรักในเรือนจำ อบู ฆอหริบ (อ่านรายละเอียด) ซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้พวกเขาก็ยังเป็นอิสระอยู่ และใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกเขาได้ทำลายชีวิตผู้อื่นไป” เฮอร์มิซกล่าว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของคดีที่นาวิกโยธินสหรัฐ ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำทารุณกรรม และข่มเหงทางเพศนักโทษในเรือนจำที่ฉาวโฉ่ทางตะวันตกของกรุงแบกแดดนั้น ขณะนี้นาวิกโยธินสหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล