เอพี - สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติวานนี้(20) ให้อิสราเอลปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกที่ตัดสินว่าการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้นผิดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทำลายกำแพงดังกล่าวในเขตเวสต์แบงค์ออกไป
ในการลงมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่ มีประเทศที่เห็นด้วย 150 ประเทศ ไม่เห็นด้วย 6 ประเทศ และงดออกเสียง 10 ประเทศ อย่างไรก็ตามมติของสมัชชาใหญ่นี้ไม่มีผลบังคับให้อิสราเอลปฏิบัติตามแต่เป็นการแสดงออกถึงว่าหลายประเทศในสหประชาชาติไม่เห็นด้วย
ทั้งนี้ปาเลสไตน์สามารถส่งเรื่องต่อไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อลงมติประณามอิสราเอลได้ แต่คาดว่าเมื่อยื่นเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงฯ สหรัฐฯก็คงจะใช้สิทธิวีโต้เช่นเคย
อนึ่ง ประเทศที่ไม่เห็นด้วยในครั้งนี้ประกอบด้วยอิสราเอล สหรัฐฯ ออสเตรเลีย มาร์แชลไอส์แลนด์ ปาเลา ไมโครนีเซีย ขณะที่ประเทศที่งดออกเสียงคือ แคนาดา แคเมอรูน เอลซัลวาดอร์ นาอูรู ปาปัวนิวกีนี โซโลมอน ไอส์แลนด์ ตองกา อูกันดา อุรุกวัย และ วานูอาตู
ภายหลังปิดการประชุม แดน กิลเลอร์แมน ทูตอิสราเอลประจำยูเอ็นให้สัมภาษณ์ว่ามติของสมัชชาใหญ่นั้นเข้าข้างปาเลสไตน์และเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุกระบวนการเพื่อสันติภาพอย่างมาก
“มันไม่ถูกต้องที่นานาชาติจะมาตอบโต้มาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ในขณะที่เมินเฉยต่อการทำลายชีวิตชาวอิสราเอลโดยผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ นี้ไม่ใช่ความยุติธรรม หากแต่เป็นการบิดเบือนความยุติธรรมต่างหาก” เขากล่าว
ด้าน เจมส์ คันนิงแฮม ผู้แทนทูตสหรัฐประจำยูเอ็นมองว่า มติของสมัชชาใหญ่เป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้คำตัดสินของศาลโลกกลายเป็นเรื่องทางการเมือง และเบี่ยงเบนความสนใจการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่เกิดจากการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และว่าสหรัฐฯจะยังคงดำเนินนโยบายตามมุมมองของรัฐบาลบุชที่ต้องการให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ดำรงอยู่เคียงข้างกันอย่างมีสันติภาพและความปลอดภัย
