ร้านอาหารดัง"เรือนอินทนิล" ยอมรื้อถอนออกจากพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธารแล้ว

จันทบุรี​- พลิกวิกฤต "เรือนอินทนิล" ร้านอาหารกลางเขื่อนคิรีธาร จันทบุ รี ยอมรื้อถอนโครงสร้างออกจากพื้นที่รุกล้ำ หลังตำรวจจันทบุรี ผนึกกำลังหลายฝ่ายคลี่คลายปัญหาผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ​ 82 ราย จนยอมถอยเกือบหมดแล้ว


ภายหลังจากที่ พ.ต.อ.  ธราเทพ ตูพานิช รองผู้บังคับการ​ตำรวจภูธร จ.จันทบุรี ได้ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการและชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้นในทุกกรณี

 รวมถึงการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมานานหลายเดือน

และที่ผ่านมาได้กำหนดให้ชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ทำสวนทุเรียน เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จก่อนหมดฤดูผลไม้ เพื่อที่จะได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่บุกรุก ป้องกันผลกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าในอนาคตนั้น

 


ล่าสุดในวันนี้ ( 17 ก.ค.)​ “เรือนอินทนิล” ร้านอาหารชื่อดังภายในเขื่อนคิรีธาร ต.บ่อเวฬ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ได้แสดงความจำนงยินยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่แล้วด้วยเช่นกัน นับเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นตัวอย่างในการแก้ไขปัญหานี้การบุกรุกพื้นที่สาธารณะ​อย่าวยั่งยืน 

โดยมี พ.ต.อ.ธราเทพ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร และปลัดอำเภอขลุง เข้าตรวจสอบพื้นที่ ยืนยันแนวทางการเจรจาเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

ทั้งนีั การรุกล้ำพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ การเข้าตรวจสอบและดำเนินการกับสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำพื้นที่จึงเป็นไปตามกฎหมาย และจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะ

 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขื่อนคิรีธาร ซึ่งมี "เรือนอินทนิล" เป็นหนึ่งในกิจการที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว 

" การที่เจ้าของกิจการยอมรื้อถอนในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นตัวอย่างที่ดีในการแก้ไขปัญหาในภาพรวม และยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาภาพรวมเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น และลดความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่"

 


พ.ต.อ. ธราเทพ ยังเผยอีกว่าความท้าทายในการแก้ไขปัญหายังอยู่ที่การยังมีสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธารใน 3 อำเภอที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยมีชาวบ้านบางส่วนที่ยังไม่ยินยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกับนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เข้าเจรจากับชาวบ้านแล้วจำนวน 82 รายจนเหลือเพียงอีกไม่กี่รายที่ยังคงค้างอยู่ 

ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายหากการเจรจาไม่เป็นผล