กาญจนบุรี – เมียเหยื่อที่ถูกงูเขียวหางไหม้กัดตายในโรงพยาบาลเอกชน ที่กาญจนบุรี หอบลูกชายวัย 5 ขวบ พึ่งสื่อโวยทาง รพ.เอกชนชื่อดังไม่แสดงความรับผิดชอบ แถมปล่อยให้เรื่องหายเงียบไป พร้อมแฉ สธ.ทำพิลึกส่งจดหมายถึงมือวันที่ 25 ก.ย.50 แต่นัดหมายให้ชี้แจงในวันที่ 24 ก.ย.50
วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 11.30 น.นางพนิดา ปิ่นปลื้มจิตต์ อายุ 41 ปี ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อสื่อมวลชนเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวที่สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี โดยมี ด.ช.พลพงศ์ หรือ น้องปลื้ม อายุ 5 ปีลูกชาย และนายโชติ เชื้อฮ้อ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี, นายสมบัติ จิตรธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร่วมเดินทางมาเป็นเพื่อน โดย นางพนิดา ได้เขียนหนังสือร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร
ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ตนชื่อ นางพนิดา ปิ่นปลื้มจิตต์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายวสันต์ ปิ่นปลื้มจิตต์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 10 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สามีของตนเป็นเหยื่อผู้เสียหายที่ถูกงูเขียวหางไหม้กัดในโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล และมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
โดยสาเหตุที่ดิฉันเดินทางมาขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าวในครั้งนี้ ก็เพื่อให้สังคมได้รับทราบถึงความไม่รับผิดชอบของโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล ต่อครอบครัวดิฉัน คือ จากวันที่ทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียลเข้ามาเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 1 คืนและให้เงินทำบุญมาเป็นจำนวน 5,000 บาท แล้วแจ้งกับตนว่า หลังจากจัดงานศพเสร็จแล้วจะเข้ามาเจรจาตกลงถึงความรับผิดชอบต่อความบกพร่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล แต่เรื่องก็เงียบหายไป
และเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2550 ทางกองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือให้ดิฉันและทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียลไปเจรจาตกลงกันที่ห้องประชุมของกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ประสานงานร่วมเป็นพยานให้ด้วย ซึ่งหลังจากเจรจาตกลงกันได้ ทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล บอกว่า จะนำผลการเจรจานี้เข้าที่ประชุมของโรงพยาบาล และจะแจ้งให้ดิฉันทราบ ภายในวันที่ 24 ก.ย.2550
หลังจากที่มีการประชุมในวันนั้นแล้ว เมื่อถึงเวลานัดหมายเรื่องกับเงียบหายไปไม่มีการติดต่อกลับมาเลยจากนั้นดิฉันจึงได้ตัดสินใจทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึงผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ โดยยื่นหนังสือผ่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี โดยตนได้มอบอำนาจให้น้องชายเป็นผู้ยื่นหนังสือแทน ซึ่งเมื่อน้องชายเดินทางไปถึงสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีจึงทราบว่าเจ้าหน้าที่สาธรณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กำลังติดต่อกับทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียลอยู่
และทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล ได้แจ้งให้ทราบว่า ได้รับหนังสือจากกองการประกอบโรคศิลปะ ลงวันที่ 17 ก.ย.2550 ว่า ให้ทั้งสองฝ่ายไปชี้แจงต่ออนุกรรมการของทางกองการประกอบโรคศิลปะ แต่เนื่องจากว่าหนังสือฉบับดังกล่าวนั้นไม่ถึงมือดิฉัน และทางสาธารณสุขจังหวัดก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน จึงทำให้ทางคณะอนุกรรมการของกองประกอบโรคศิลปะ ได้รับทราบข้อมูลจากทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียลแต่เพียงฝ่ายเดียว
ต่อจากนั้นวันที่ 25 ก.ย.2550 เวลาประมาณ 12.00 น.หนังสือฉบับดังกล่าวนั้นก็มาถึงมือของตน โดยการส่งทางไปรษณีย์ ระบุวันที่ 25 ก.ย.2550 ถึงปลายทาง แต่ทำไม หนังสือลงวันที่ 17 ก.ย.2550 นัดให้ไปชี้แจงวันที่ 24 ก.ย.2550 แต่ส่ง อีเอ็มเอส ระบุถึงปลายทางวันที่ 25 ก.ย.2550 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2550 ดิฉันได้ทำหนังสือถึงนายแพทย์ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่ท่านให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ ว่า จะให้ความเป็นธรรมถึงเหตุการณ์ที่งูเขียวหางไหม้กัดในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล และได้เรียนท่านถึงลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกขั้นตอนว่าดิฉันได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมมาโดยตลอด
แต่เรื่องก็เงียบหายไปเหมือนที่ผ่านๆ มา เมื่อดิฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือจากทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียลก็ตามดิฉันและครอบครัวหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเรื่องนี้แล้วก็ขอให้ดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวดิฉันด้วย อย่างน้อยก็ให้สังคมได้รับทราบว่าความถูกต้อง ความเป็นธรรม ยังมีอยู่ในสังคมไทย
หลังจากที่ได้รับข้อมูลจาก นางพนิดา ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเดินทางมาร้องเรียนสื่อมวลชนของนางพนิดา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล ตอบว่า เป็นสิทธิของนางพนิดา ที่สามารถร้องเรียนได้ แต่การเดินทางไปร้องเรียนกับสื่อมวลชนนั้นจะได้เรื่องอะไรจากนั้นเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้วางหูโทรศัพท์ทันที