หลังจากเสร็จภาระกิจนําขบวนคณะดาราเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มในประเทศอินโดนีเซียมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แจ๊คกี้ ชาน หรือ "เฉิงหลง" ไม่รีรอขอทําหน้าที่ทูตสันถวไมตรีขององค์การสหประชาชาติกันต่อในประเทศกัมพูชา โดยการเดินทางครั้งนี้เฉินหลงได้เอ่ยปากโครงการอยากสร้างหนังให้กัมพูชาเพื่อช่วยรณรงค์เรียกร่องผู้คนให้เพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาโรคเอดส์ที่กําลังเป็นปัญหาใหญ่ครอบคลุมไปทั่วทั้งในภูมิภาคเอเชีย
เฉินหลงได้กล่าวกับสื่อมวลชนในประเทศกัมพูชาถึงวิธีที่ดีที่สุดในการทําให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ภาวะวิกฤตของปัญหาโรคเอดส์ในกัมพูชาที่มีสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงจนน่าเป็นห่วง โดยเฉินหลงตั้งใจชักชวนเพื่อนๆมาสร้างภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ เอชไอวี ออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ซึ่งจะเริ่มเขียนสคริปต์กันเร็วๆนี้แล้ว
และหลังจากการเดินทางมาเยือนกัมพูชาเป็นครั้งแรกของนักแสดงจอมบู้ เขาได้พบว่าแม้ตัวเองจะกลับไปพูดคุยหรือเล่าสถานการณ์อันน่าวิตกในกัมพูชาให้คนอื่นๆได้รู้ พวกเขาเหล่านั้นก็คงแค่รับฟังแต่จะมีใครที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
"พวกเขาไม่เคยมาที่กัมพูชาด้วยเองเหมือนอย่างผม...ทุกๆวันผมได้แต่คิดว่ามันจะมีซักกี่คนที่ต้องเจ็บปวดและล้มตายไปกับโรคนี้บ้าง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้รับรู้เรื่องต่างๆมาด้วยตนเอง ซึ่งทําให้ผมมีเรื่องราวในหัวที่จะมาสร้างเป็นหนังดีๆซักเรื่อง มันทําให้ผมต้องรวบรวมเพื่อนๆทั้งที่เป็นผู้กํากับ โปรดิวเซอร์ และคนเขียนบท โดยพวกเขาจะยังอยู่ที่กัมพูชาต่อเพื่อค้นหาสถานที่ถ่ายทําและหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติม" พระเอกนักบู้วัย 51 กล่าวกับสํานักข่าวเอพี
สําหรับเรื่องราวหลักของภาพยนตร์จะเน้นเกี่ยวกับภาวะน่าเป็นห่วงของผู้ติดเชื้อเอชไอวี แต่ทางด้านรายละเอียดการวางเค้าโครงและบทบาทการแสดง เฉินหลงยังคงไม่สรุปอะไรในตอนนี้ เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่างๆได้ทุกเวลา "สิ่งที่ผมอยากสื่อสารผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือให้ทุกคนที่ได้ดูหันมาใส่ใจห่วงใยผู้ป่วยโรคเอดส์กันจริงๆจังๆซักทีครับ"
หลังจากที่ประเทศกัมพูชาต้องทนประสบกับปัญหาทางการเมืองภายในประเทศมากว่าสามสิบปี จนเมื่อในปี 1998 สถานการณ์ตึงเครียดต่างๆดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายขึ้นมา แต่อีกปัญหาผู้ติดเชื้อเอชไไอวีที่มีควบคู่มากลับยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและขณะนี้ประเทศกัมพูชาได้กลายเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ติเชื้อสูงที่สุดในเอเชียไปแล้ว แม้ล่าสุดเมื่อปีทีผ่านมาจะมีจํานวนผู้ติดเชื้อลดลงไป 2.6 เปอร์เซนต์ก็ตาม
นอกจากความใส่ใจในปัญหาโรคเอดส์ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เฉินหลง ก็ได้เดินทางแวะไปร่วมปลุกกระแสการรับรู้ปัญหาภาวะเพิ่มสูงของการติดเชื้อเอชไอวีกันต่อในประเทศข้างเคียงอย่างเวียดนาม โดยนักแสดงนําจากภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง Rush Hour และ Shanghai Noon ได้พกพาอารมณ์ขันโดยร่วมหยอกล้อเล่นกับเด็กๆชาวเวียดนามอย่างเป็นกันเองด้วย
เต็มที่เลยเฮียหลง
