รักษาการประธาน คมช. พร้อมส่งตัวแทนและเอกสารลับฉบับจริง ไปชี้แจงต่อ กกต. มั่นใจไม่มีความผิด เพราะเป็นภารกิจเพื่อความสงบเรียบร้อย และมีรัฐธรรมนูญรองรับการดำเนินการ ฏยนกลาโหมตัดสินใจดำเนินการ หากเอกสารที่สมัครนำมาแฉเป็นเอกสารปลอม ย้ำยังไม่มีเหตุต้องเลื่อนเลือกตั้ง ไม่ห่วงอำนาจเก่ากลับมาเช็กบิล ปล่อยให้ประชาชนกำหนด ด้าน กกต.คาดสรุปผลได้หลังจากมีการชี้แจง 1 วัน ระบุหากนำเแกสารปลอมมาแสดงถือว่ามีความผิด ส่วนเรื่องแจกเงินเพื่อขนคมมาฟังปราศรัยที่โคราช เรียก 3 ผู้สมัคร พปช.ชี้แจง 13 ธ.ค.นี้
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (4 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเช้า กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด สมาชิก คมช. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. รักษาการประธาน คมช. พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ทั้งนี้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เชิญไปชี้แจงเรื่องเอกสารลับว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกันว่าจะส่งผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดข้อมูล 2-3 ท่านไปชี้แจง ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ซึ่ง คมช.ได้ส่งหนังสือไปยัง กกต. แล้ว เราจะพยายามรวบรวมหลักฐานทุกประการตามที่ กกต. ต้องการให้ครอบคลุมทั้งหมด
ส่วน ประธาน คมช. จะต้องไปชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ต้องให้เกียรติ กกต. เพราะเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกสรรมา และเป็นกลาง หากสามารถไปได้ คมช. ก็พร้อมที่จะไปให้ข้อมูล และแลกเปลี่ยนข้อคิด ทั้งนี้ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง หรือจะเป็นผู้ใหญ่ท่านอื่นที่อยู่ในคมช. ทั้งนี้ยืนยันว่า คมช.ไม่ได้ยื้อเวลา
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า เจตนาที่ทำไปเพราะเป็นการกระต่อเนื่องกับภารกิจ คมช. พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า จากเดือนกันยายน 2549 ที่มีการปฏิรูป เรามีวัตถุประสงค์ที่ต้องการพยายามหยุดสถานการณ์ความขัดแย้ง และมีวัตถุประสงค์ อีก 4 ประการ ปัจจุบันสืบเนื่องหลังจากที่ปฏิรูปมีรัฐธรรมนูญปี 2549 มาตรา 34 ให้อำนาจหน้าที่ คมช. ควรปฏิบัติ เพื่อรักษาความมั่นคง และรักษาสถานการณ์ จากนั้นได้จัดทำรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งได้รับการรับรองและเห็นด้วยจากประชาชน
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวด้วยว่า ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 298 กับ มาตรา 309 ภาระหน้าที่ของ คมช.ยังอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นั่นคือ สิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ในเอกสารที่ คมช.จัดทำโดยศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. นำเรียนประธาน คมช.คนเดิม ท่านได้ลงนามในตอนนั้น รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย พ.ร.บ.เลือกตั้งออกแล้ว แต่ พ.ร.บ.ประกอบการเลือกตั้ง ยังไม่ออก ซึ่งประธาน คมช.ลงนามไป 2 วัน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็นำเอกสารดังกล่าวออกมา ซึ่งได้มาจากไหนไม่ทราบ
"จากนั้นในที่ประชุมสภากลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ พูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งรมว.กลาโหม ชี้แจง และสั่งการว่าให้วางตัวเป็นกลาง ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ สั่งการในที่ประชุมทุกแห่ง เรื่องการวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าในคำสั่งการนั้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการในเรื่องต่างๆ แต่ช่วงหลังจากนั้น 3-4 วัน ได้ยกเลิก คำสั่งล่าสุดของแต่ละหน่วยให้เลิกดำเนินการ ไม่มีการสั่งการ ไม่มีการดำเนินการตามคำสั่งของ ประธาน คมช. ในครั้งนั้นแต่อย่างใด เพราะหากปฏิบัติ ต้องของบประมาณ สรุปคือ ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยได้สั่งการให้เลิก ไม่มีใครปฏิบัติ จนถึงวันนี้มีแต่การจะทำอย่างไร เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมได้คนที่ดีเข้ามาผู้บริหารประเทศ"
**คมช.ยันไม่ผิด ถือเป็นภาระหน้าที่
เมื่อถามว่า สรุปว่า เป็นเอกสารจริงใช่ หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเอกสารจริง แต่ไม่เหมือน เมื่อถามว่า มีการสั่งการแต่ยังไม่ปฏิบัติ ถือว่าไม่ผิดใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ผิดหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่าไม่น่าจะผิด เพราะเป็นภาระหน้าที่ของ คมช. ที่จะดำเนินการให้ประเทศมีความสงบ ช่วงที่ผ่านมามีการขึ้นเวที และประกาศว่า เขาคือผู้แทนอดีตนายกรัฐมนตรี หากกลับมาจะเช็กบิล และยกเลิกสิ่งที่ถูกตรวจสอบ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายกับประเทศชาติ คมช. มองภาพว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความระส่ำระสาย และความวุ่นวายในประเทศ จึงเตรียมการเพื่อขออนุมัติจากอดีต ผบ.ทบ. เพื่อจะทำให้เหตุการณ์สงบเงียบร้อย ณ วันนั้นยังไม่มีการสมัครรับเลือกตั้ง ยังไม่มีใครได้เบอร์
**โยน กห.จัดการหากเป็นเอกสารปลอม
เมื่อถามว่า แสดงว่าเอกสารลับที่นายสมัคร นำออกมาเปิดเผย ไม่ตรงกับ คมช.ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เท่าที่ดูมีความแตกต่าง เราจะนำเอกสารตัวจริงไปให้ กกต.ดู ซึ่งมีความแตกต่างกันพอสมควร เมื่อถามว่า หากพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องในกระทรวงกลาโหม กำลังพิจารณาในขั้นตอนอยู่
เมื่อถามว่า แสดงว่า คมช.กังวลการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่า พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ถ้าเป็นความต้องการของประชาชน หากอยากจะได้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของประชาชน เมื่อถามว่า หากพลังประชาชนเป็นรัฐบาล จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นข้อคิดของ คมช. และคนที่อยู่ในด้านความมั่นคง จากนี้ไปเป็นภาระของทุกคนในชาติต้องพิจารณาคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ใครรับเสียงข้างมาก ก็มีสิทธิเป็นผู้บริหาร แต่สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดคือ การเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การดำเนินการที่ไม่ยุติธรรม ดังนั้น เราต้องการที่จะให้การดำเนิน การใดๆ บริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด
เมื่อถามว่า คมช. พร้อมถูกเช็คบิล พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่รู้ว่าการเช็คบิลเป็นอย่างไร ไม่ทราบ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ที่มีการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าจะไม่มีทหารออกมาจัดการหลังเลือกตั้ง พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่น่ามีสาเหตุอะไร เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเช็คบิล จนทำให้เกิดจลาจล ทหารจะออกมาหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีใครคาดการณ์ได้
"ในบางประเทศเรื่องการปฏิวัติใหญ่ ก็ไม่ใช่ทหาร เช่น ประเทศฝรั่งเศส จีน หรืออินโดนีเซีย ก็เป็นประชาชนที่ออกมาปฏิวัติ ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับประชาชนว่าพอใจและมองภาพนี้อย่างไร หากประชาชนไม่ชอบ อยากให้รัฐบาลออก แต่รัฐบาลไม่ออก ประชาชนก็จะมีกรรมวิธีของประชาชน ไม่มีใครจะอยู่เหนืออำนาจประชาชน" พล.อ.อ.ชลิต กล่าว
เมื่อถามว่า อนาคตการเมืองไทย มีแนวโน้มจะปฏิวัติโดยประชาชนใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่แน่ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ตนเปรียบเทียบเท่านั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่การพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทยต้องให้ความรู้กับประชาชนและเด็กในประเทศให้มากกว่านี้ เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองอย่างนี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนสติว่าการเมืองไม่น่าไว้วางใจ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตนไม่กล้าวิจารณ์ตรงนั้น แต่เราต้องอ่าน และวิเคราะห์ด้วยตัวเอง บางครั้งมีอะไรลึกซึ้งอยู่ข้างใน
**ไม่มีเหตุต้องเลื่อนเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไม่เห็นมีอะไรเป็นเหตุผลให้เลื่อนการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสายถึง คมช. เพื่อขอต่อรอง พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ ทั้งนี้ ยังไม่มีการต่อสายมา เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีการต่อสายมาในสมาชิก คมช. เพราะทุกคนมีการพูดคุยกันและมีความคิดเห็นตรงกัน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเสนอให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจพรรคพลังประชาชน พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็เป็นห่วงว่า ผู้ที่ถูกศาลสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวการเมือง และทำให้ถลำลึกไปมากขึ้น หากว่ามีใครไปฟ้องร้องขึ้นมา จะทำให้มีคดีเพิ่มมากขึ้น และหนักมากขึ้น
สิ่งที่ คมช.ทำมาทั้งหมด ถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เพลี่ยงพล้ำ เป็นน้ำที่กระเพื่อม กำลังจะสำเร็จ ถ้าสามารถทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และไม่มีการทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า หากกลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ถือว่าภารกิจของ คมช.ล้มเหลว พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่าว่า เขากลับมาจะทำอย่างไร อาจจะกลับมาเป็นรัฐบาล หรือมาสู้คดีตนยังไม่ทราบ ถ้าหากกลับมาเป็นรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะข้อมูลข้างต้นเราต้องการหยุดสถานการณ์ไม่จ้องจัดการใคร ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง
**ไม่ห่วงอำนาจเก่ากลับมาเช็กบิล
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ พล.อ.สนธิ และสมาชิก คมช. ว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ซึ่งการเลือกตั้งยืนยันเหมือนเดิมว่า เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ แต่จะเน้นย้ำให้กำลังพลวางตัวเป็นกลาง ไม่ไปเข้าข้างฝ่ายใด เราจะรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ และรณรงค์ในเรื่องไม่ให้คนซื้อสิทธิขายเสียง
ส่วนเรื่องเอกสารลับ ก็มีการพูดคุยกันว่า คงจะไปพบ กกต. แต่จะให้ผ่านช่วงสัปดาห์นี้ไปก่อน ซึ่งผู้ที่จะไปชี้แจงคงจะเป็นผู้ใหญ่ใน คมช. เมื่อถามว่า ใช่ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อาจจะใช่ แต่อาจจะไม่ใช่เดินทางไปเพียงแค่คนเดียว
เมื่อถามว่า การที่เราไปชี้แจง กกต. จะทำให้เรื่องนี้จบลงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่มีสิ่งใดที่น่าจะต้องมีเรื่องวุ่นวาย ถ้าให้ทุกพรรคไปเริ่มต้นหาเสียง และประชาชนก็ไปฟังดูว่าพรรคใดมีแนวทางในการบริหารบ้านเมืองที่ดี เราก็เตรียมตัวไปเลือก ซึ่งไม่น่าจะมีเหตุอะไรให้เกิดความสับสน หรือวิกฤตอะไรขึ้นมา
ส่วนที่ รักษาการประธาน คมช. ยอมรับว่า เอกสารลับเป็นของจริง แต่ยังไม่ได้มีการสั่งการให้ดำเนินการตามคำสั่ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เรียกว่ายอมรับ เพราะมันมีเอกสารอยู่แล้ว แต่ว่า กกต.จะร้องขอตัวจริงจาก คมช.หรือไม่ เราก็พร้อมที่จะให้ดู
เมื่อถามว่า รักษาการประธาน คมช. ระบุว่า การที่ออกเอกสารลับดังกล่าว เพราะเกรงว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาเช็กบิล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราไม่เคยพูดกันในเรื่องเช็กบิลว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ หรือป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาเช็กบิล ไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ มีแต่สื่อมวลชนถามเอง ทั้งนี้ไม่ต้องกลัว เราหยุดการใช้อำนาจของกลุ่มที่ว่านี้ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการของศาลยุติธรรม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดก็กลับมา ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย ซึ่งตนจะยอมรับตามกฎหมาย บ้านเมืองก็จะอยู่ได้
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่วุ่น ถ้าอยู่บนกฎหมายไม่วุ่น ถ้าไม่อยู่ตามกฎหมาย หรือ ตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น สังคมจะเป็นผู้พิจารณาเอง ไม่ใช่กลุ่มใดจะมาทำ
**ยังไม่ตัดสินใจเรื่องเอกสารจริง-ปลอม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวถึง กรณีหากเป็นเอกสารลับที่นายสมัครนำมาเปิดเผย เป็นฉบับปลอม จะดำเนินการอย่างไร ว่า มีมุมมองสองด้านกำลังชั่งน้ำหนักกันอยู่ หลายฝ่ายระบุว่า อาจต้องดำเนินการในกรอบของกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมว่า สิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ ขณะเดียวกันบางส่วนให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างมีความสับสนในข้อมูลข่าวสารพอสมควร ขอให้คนไทยมีสมาธิกับการเลือกตั้งจะดีกว่า และเป็นในช่วงเฉลิมฉลอง 80 พรรษา คมช. ยังไม่ได้ข้อตกลงว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นได้มีความคิดลักษณะนี้ ซึ่งต้องหารือกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จุดยืน คมช. ชัดเจนว่า จะไม่พูดถึงว่า เป็นเอกสารฉบับจริง หรือมีบางส่วนปลอมแปลงในบางประเด็น กตต.ได้วิเคราะห์ตามภารกิจหน้าที่ที่จะมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่ประเด็นที่ คมช. กังวลคือ เรื่องของการผิดกฎหมายหรือไม่ผิด ซึ่งมีเงื่อนไขในเรื่องของเวลาเป็นตัวกำหนด คมช.จึงได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง กกต.
"หากถามถึงความเป็นกลางทางการเมือง โดยเอาปัจจัยเวลามาเป็นตัวตั้ง ก่อนกฏหมายเลือกตั้งออกมาบังคับใช้ ถามกี่ครั้งก็บอกแน่นอนว่า ไม่เป็นกลางทางการเมือง เป็นกลางได้อย่างไรเพราะไปยึดอำนาจเขามา เมื่อเราพยายามต่อต้านอำนาจทั้งหลาย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ไม่เป็นกลางทางการเมืองแน่นอน แต่หลังจากกฎหมายเลือกตั้งได้ประกาศออกมาแล้ว ตามระเบียบทางราชการถือว่า เขาเอานโยบายคำสั่งผู้บังคับบัญชา ข้อระเบียบต่างๆ ที่ควรปฏิบัติครั้งล่าสุด แล้วค่อยยุติบทบาทในเรื่องการดำเนินการ เพื่อให้เป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง สามารถสังเกตและสัมผัสได้ หลังจากมีกฎหมายเลือกตั้งออกมา คมช. ไม่ได้พยายามเคลื่อนไหวอะไร เราชี้แจง กกต.ไปในลักษณะอย่างนี้" โฆษก คมช.กล่าว
เมื่อถามว่า คมช.จะฟ้องร้องหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การฟ้องร้องยังไม่ตกผลึก ระหว่างความคิดสองประการ คือ หากฟ้องแล้วต้องให้นึกถึงความวุ่นวายของบ้านเมืองในปัจจุบัน ยังชั่งน้ำหนักกันอยู่ ยังไม่ตกลงใจ
**เตือนเลิกหาเสียงโจมตีป๋าเปรม
เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวพาดพิงถึง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ คมช. แสดงความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ที่มีการเคลื่อนไหวต่างๆ ก็มีลักษณะคล้ายทำนองนี้ เราชี้แจงไปแล้วว่า ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการเมือง ท่านเป็นประธานองคมนตรี ถือว่ามากเกินไปแล้วที่พูดและพาดพิงถึง
ส่วน คมช.จะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่พาดพิงประธานองคมนตรี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เท่าที่ฟังดูไม่ได้พูดหรือระบุชื่อชัดเจนว่าเป็น พล.อ.เปรม เพียงแต่พาดพิงถึงในลักษณะที่คนฟังดูแล้วพอจะรู้ได้ว่าเป็นท่าน อยากขอร้องพรรคการเมืองที่ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ใครจะหาเสียงอะไรก็ว่ากันไป อย่าแย่งพื้นที่ข่าว หรือพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทางที่เสียหาย เพราะเป็นการเมืองในรูปแบบเก่า ควรเสนอนโยบายในสิ่งที่ดี และประชาชนตกลงใจได้ว่าจะเลือกใคร
** คาด 12 ธ.ค. สามารถสรุปได้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า กกต.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องเอกสารลับ เนื่องจากฝ่ายคมช. ได้ขอเลื่อนการชี้แจงเป็นวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งทาง คมช.ยื่นยันว่าจะนำเอกสารลับฉบับจริงมาชี้แจง และประธาน คมช.จะมอบอำนาจให้ พล.อ. สมเจตต์ บุญถนอม เลขาธิการสำนักงานคมช. มาชี้แจง ซึ่งทาง กกต.ได้ขอไปว่า ขอให้เป็นตัวแทนที่มีอำนาจในการที่จะชี้แจง และสามารถแถลงข่าวแทนได้ด้วย ซึ่งภายหลังการชี้แจงของคมช. พร้อมเอกสารตัวจริงแล้ว ก็คาดว่าจะสามารถสรุปผลการวินิจฉัยได้ในวันถัดไป
"ในการพิจารณา กกต.จะดูว่า กกต.มีอำนาจในการพิจารณา และวินิจฉัยหรือไม่ เพราะทางคมช. แจ้งว่า คมช.มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว โดยมีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 7/2549 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 รองรับ แต่กกต.ก็มีอำนาจในการดูแลการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 จึงมีปัญหาว่า กกต.จะมีอำนาจสามารถตรวจสอบองค์กรที่รักษาความมั่นคง หรือไม่ ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณา เพราะอาจเข้าข่ายมาตรา 113 และ มาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และจะต้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดหรือไม่"
**หากเอกสารปลอมย่อมมีความผิด
เมื่อถามว่า นายสุพลในฐานะประธาน กก.สอบสวน ระบุว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องดูเอกสารตัวจริงแล้ว นางสดศรี กล่าวว่า ในการพิจารณา ทางกรรมการสอบสวนไม่สามารถชี้ได้ว่า มีเอกสารตัวจริงหรือไม่ แต่ไปชี้จากสำเนา ซึ่งกรณีของศาลจะต้องพิจารณาจากเอกสารตัวจริง เมื่อไม่มีตัวจริง ก็ไม่น่าจะชี้ออกมาได้ ยกเว้นว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าเป็นสำเนาที่ถูกต้อง ซึ่งในการชี้แจงทาง คมช.ก็ไม่ได้บอกว่า เอกสารที่พรรคพลังประชาชนออกมาร้อง เป็นเอกสารที่ถูกต้อง ส่วนกรณีพรรคพลังประชาชน จะยอมรับเอกสารว่าเป็นสำเนาจากของจริงหรือไม่ ในเรื่องนี้ กก.ไม่ได้ชี้ไว้ ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนายสุพล นั้น เป็นการพิจารณาที่มองว่า ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง และมองว่า ทหารก็คือข้าราชการตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนที่ผ่านมา กกต.ก็ให้เกียรติท่านในการสอบสวน แต่ผลที่ออกมาถือว่า เป็นดุลพินิจของกรรมการ ทางกกต. ก็จะมีดุลพินิจของกกต. ออกมา
เมื่อถามว่ากกต.จะต้องดูด้วยหรือไม่ว่า มีการปลอมแปลงเอกสารในชั้นไหน และผู้ปลอมแปลงต้องรับผิดอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ถ้านำเอาเอกสารเท็จมาใช้ และทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด ก็ถือว่าเป็นความผิด ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่จะต้องพิจารณาจากเอกสารและเรื่องทั้งหมดก่อน
**เรียก 3 ผู้สมัครพปช.เขต 3 โคราชชี้แจง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องการเตรียมจ่ายเงินค่าขนคนมาฟังปราศรัยหาเสียงที่ อ.พระทองคำ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา ตามที่กกต.ได้ให้ทีมสืบสวนสอบสวนจากส่วนกลางลงไปสอบเพิ่มเติม ซึ่งกกต. มีมติให้มีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้สมัครพรรคพลังประชาชน 3 คนประกอบด้วย 1. นายประเสริญ จันทรรวงทอง หมายเลข 10 นางลินดา เชิดชัย หมายเลข 11 และนายบุญเลิศ ครุฑขุนทด หมายเลข 12 มาชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. เพราะขณะนี้กกต.ถือว่า เรื่องดังกล่าวมีมูล จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เงินที่มีการยึดมานั้นมีการเตรียมไว้ซื้อเสียงหรือไม่ โดยเอกสารหลักฐานที่ได้มามันสอดรับกันแล้ว แม้จะไม่มีการยืนยันจากชาวบ้านว่าได้รับเงินดังกล่าวก็ตาม แต่เงินที่พบมีการนำติดไว้กับปฏิทินที่มีชื่อของผู้สมัคร และมีบัญชีรายชื่อประชาชนในหมู่บ้าน ซึ่งการเชิญมาไม่ได้ให้มารับฟังข้อกล่าวหา แต่เป็นการให้มาชี้แจงว่า ปฏิทิน แนะนำตัวเป็นของผู้สมัครจริงหรือไม่ และมีการหนีบเงินไปหรือเปล่า ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยกกต. จะพิจารณาให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (4 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเช้า กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด สมาชิก คมช. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. รักษาการประธาน คมช. พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ทั้งนี้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เชิญไปชี้แจงเรื่องเอกสารลับว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกันว่าจะส่งผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดข้อมูล 2-3 ท่านไปชี้แจง ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ซึ่ง คมช.ได้ส่งหนังสือไปยัง กกต. แล้ว เราจะพยายามรวบรวมหลักฐานทุกประการตามที่ กกต. ต้องการให้ครอบคลุมทั้งหมด
ส่วน ประธาน คมช. จะต้องไปชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ต้องให้เกียรติ กกต. เพราะเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกสรรมา และเป็นกลาง หากสามารถไปได้ คมช. ก็พร้อมที่จะไปให้ข้อมูล และแลกเปลี่ยนข้อคิด ทั้งนี้ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง หรือจะเป็นผู้ใหญ่ท่านอื่นที่อยู่ในคมช. ทั้งนี้ยืนยันว่า คมช.ไม่ได้ยื้อเวลา
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า เจตนาที่ทำไปเพราะเป็นการกระต่อเนื่องกับภารกิจ คมช. พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า จากเดือนกันยายน 2549 ที่มีการปฏิรูป เรามีวัตถุประสงค์ที่ต้องการพยายามหยุดสถานการณ์ความขัดแย้ง และมีวัตถุประสงค์ อีก 4 ประการ ปัจจุบันสืบเนื่องหลังจากที่ปฏิรูปมีรัฐธรรมนูญปี 2549 มาตรา 34 ให้อำนาจหน้าที่ คมช. ควรปฏิบัติ เพื่อรักษาความมั่นคง และรักษาสถานการณ์ จากนั้นได้จัดทำรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งได้รับการรับรองและเห็นด้วยจากประชาชน
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวด้วยว่า ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 298 กับ มาตรา 309 ภาระหน้าที่ของ คมช.ยังอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นั่นคือ สิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ในเอกสารที่ คมช.จัดทำโดยศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. นำเรียนประธาน คมช.คนเดิม ท่านได้ลงนามในตอนนั้น รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย พ.ร.บ.เลือกตั้งออกแล้ว แต่ พ.ร.บ.ประกอบการเลือกตั้ง ยังไม่ออก ซึ่งประธาน คมช.ลงนามไป 2 วัน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็นำเอกสารดังกล่าวออกมา ซึ่งได้มาจากไหนไม่ทราบ
"จากนั้นในที่ประชุมสภากลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ พูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งรมว.กลาโหม ชี้แจง และสั่งการว่าให้วางตัวเป็นกลาง ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ สั่งการในที่ประชุมทุกแห่ง เรื่องการวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด และจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าในคำสั่งการนั้นได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการในเรื่องต่างๆ แต่ช่วงหลังจากนั้น 3-4 วัน ได้ยกเลิก คำสั่งล่าสุดของแต่ละหน่วยให้เลิกดำเนินการ ไม่มีการสั่งการ ไม่มีการดำเนินการตามคำสั่งของ ประธาน คมช. ในครั้งนั้นแต่อย่างใด เพราะหากปฏิบัติ ต้องของบประมาณ สรุปคือ ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยได้สั่งการให้เลิก ไม่มีใครปฏิบัติ จนถึงวันนี้มีแต่การจะทำอย่างไร เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมได้คนที่ดีเข้ามาผู้บริหารประเทศ"
**คมช.ยันไม่ผิด ถือเป็นภาระหน้าที่
เมื่อถามว่า สรุปว่า เป็นเอกสารจริงใช่ หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเอกสารจริง แต่ไม่เหมือน เมื่อถามว่า มีการสั่งการแต่ยังไม่ปฏิบัติ ถือว่าไม่ผิดใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ผิดหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่าไม่น่าจะผิด เพราะเป็นภาระหน้าที่ของ คมช. ที่จะดำเนินการให้ประเทศมีความสงบ ช่วงที่ผ่านมามีการขึ้นเวที และประกาศว่า เขาคือผู้แทนอดีตนายกรัฐมนตรี หากกลับมาจะเช็กบิล และยกเลิกสิ่งที่ถูกตรวจสอบ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายกับประเทศชาติ คมช. มองภาพว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความระส่ำระสาย และความวุ่นวายในประเทศ จึงเตรียมการเพื่อขออนุมัติจากอดีต ผบ.ทบ. เพื่อจะทำให้เหตุการณ์สงบเงียบร้อย ณ วันนั้นยังไม่มีการสมัครรับเลือกตั้ง ยังไม่มีใครได้เบอร์
**โยน กห.จัดการหากเป็นเอกสารปลอม
เมื่อถามว่า แสดงว่าเอกสารลับที่นายสมัคร นำออกมาเปิดเผย ไม่ตรงกับ คมช.ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เท่าที่ดูมีความแตกต่าง เราจะนำเอกสารตัวจริงไปให้ กกต.ดู ซึ่งมีความแตกต่างกันพอสมควร เมื่อถามว่า หากพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องในกระทรวงกลาโหม กำลังพิจารณาในขั้นตอนอยู่
เมื่อถามว่า แสดงว่า คมช.กังวลการกลับมาของกลุ่มอำนาจเก่า พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ถ้าเป็นความต้องการของประชาชน หากอยากจะได้กลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของประชาชน เมื่อถามว่า หากพลังประชาชนเป็นรัฐบาล จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นข้อคิดของ คมช. และคนที่อยู่ในด้านความมั่นคง จากนี้ไปเป็นภาระของทุกคนในชาติต้องพิจารณาคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ใครรับเสียงข้างมาก ก็มีสิทธิเป็นผู้บริหาร แต่สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดคือ การเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การดำเนินการที่ไม่ยุติธรรม ดังนั้น เราต้องการที่จะให้การดำเนิน การใดๆ บริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด
เมื่อถามว่า คมช. พร้อมถูกเช็คบิล พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่รู้ว่าการเช็คบิลเป็นอย่างไร ไม่ทราบ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ที่มีการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าจะไม่มีทหารออกมาจัดการหลังเลือกตั้ง พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่น่ามีสาเหตุอะไร เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเช็คบิล จนทำให้เกิดจลาจล ทหารจะออกมาหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีใครคาดการณ์ได้
"ในบางประเทศเรื่องการปฏิวัติใหญ่ ก็ไม่ใช่ทหาร เช่น ประเทศฝรั่งเศส จีน หรืออินโดนีเซีย ก็เป็นประชาชนที่ออกมาปฏิวัติ ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับประชาชนว่าพอใจและมองภาพนี้อย่างไร หากประชาชนไม่ชอบ อยากให้รัฐบาลออก แต่รัฐบาลไม่ออก ประชาชนก็จะมีกรรมวิธีของประชาชน ไม่มีใครจะอยู่เหนืออำนาจประชาชน" พล.อ.อ.ชลิต กล่าว
เมื่อถามว่า อนาคตการเมืองไทย มีแนวโน้มจะปฏิวัติโดยประชาชนใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็ไม่แน่ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ตนเปรียบเทียบเท่านั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่การพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทยต้องให้ความรู้กับประชาชนและเด็กในประเทศให้มากกว่านี้ เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองอย่างนี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนสติว่าการเมืองไม่น่าไว้วางใจ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตนไม่กล้าวิจารณ์ตรงนั้น แต่เราต้องอ่าน และวิเคราะห์ด้วยตัวเอง บางครั้งมีอะไรลึกซึ้งอยู่ข้างใน
**ไม่มีเหตุต้องเลื่อนเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไม่เห็นมีอะไรเป็นเหตุผลให้เลื่อนการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสายถึง คมช. เพื่อขอต่อรอง พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ ทั้งนี้ ยังไม่มีการต่อสายมา เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีการต่อสายมาในสมาชิก คมช. เพราะทุกคนมีการพูดคุยกันและมีความคิดเห็นตรงกัน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเสนอให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจพรรคพลังประชาชน พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ก็เป็นห่วงว่า ผู้ที่ถูกศาลสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวการเมือง และทำให้ถลำลึกไปมากขึ้น หากว่ามีใครไปฟ้องร้องขึ้นมา จะทำให้มีคดีเพิ่มมากขึ้น และหนักมากขึ้น
สิ่งที่ คมช.ทำมาทั้งหมด ถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เพลี่ยงพล้ำ เป็นน้ำที่กระเพื่อม กำลังจะสำเร็จ ถ้าสามารถทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และไม่มีการทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า หากกลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ถือว่าภารกิจของ คมช.ล้มเหลว พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่าว่า เขากลับมาจะทำอย่างไร อาจจะกลับมาเป็นรัฐบาล หรือมาสู้คดีตนยังไม่ทราบ ถ้าหากกลับมาเป็นรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะข้อมูลข้างต้นเราต้องการหยุดสถานการณ์ไม่จ้องจัดการใคร ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง
**ไม่ห่วงอำนาจเก่ากลับมาเช็กบิล
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ พล.อ.สนธิ และสมาชิก คมช. ว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ซึ่งการเลือกตั้งยืนยันเหมือนเดิมว่า เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ แต่จะเน้นย้ำให้กำลังพลวางตัวเป็นกลาง ไม่ไปเข้าข้างฝ่ายใด เราจะรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ และรณรงค์ในเรื่องไม่ให้คนซื้อสิทธิขายเสียง
ส่วนเรื่องเอกสารลับ ก็มีการพูดคุยกันว่า คงจะไปพบ กกต. แต่จะให้ผ่านช่วงสัปดาห์นี้ไปก่อน ซึ่งผู้ที่จะไปชี้แจงคงจะเป็นผู้ใหญ่ใน คมช. เมื่อถามว่า ใช่ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อาจจะใช่ แต่อาจจะไม่ใช่เดินทางไปเพียงแค่คนเดียว
เมื่อถามว่า การที่เราไปชี้แจง กกต. จะทำให้เรื่องนี้จบลงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่มีสิ่งใดที่น่าจะต้องมีเรื่องวุ่นวาย ถ้าให้ทุกพรรคไปเริ่มต้นหาเสียง และประชาชนก็ไปฟังดูว่าพรรคใดมีแนวทางในการบริหารบ้านเมืองที่ดี เราก็เตรียมตัวไปเลือก ซึ่งไม่น่าจะมีเหตุอะไรให้เกิดความสับสน หรือวิกฤตอะไรขึ้นมา
ส่วนที่ รักษาการประธาน คมช. ยอมรับว่า เอกสารลับเป็นของจริง แต่ยังไม่ได้มีการสั่งการให้ดำเนินการตามคำสั่ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เรียกว่ายอมรับ เพราะมันมีเอกสารอยู่แล้ว แต่ว่า กกต.จะร้องขอตัวจริงจาก คมช.หรือไม่ เราก็พร้อมที่จะให้ดู
เมื่อถามว่า รักษาการประธาน คมช. ระบุว่า การที่ออกเอกสารลับดังกล่าว เพราะเกรงว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาเช็กบิล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราไม่เคยพูดกันในเรื่องเช็กบิลว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ หรือป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาเช็กบิล ไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ มีแต่สื่อมวลชนถามเอง ทั้งนี้ไม่ต้องกลัว เราหยุดการใช้อำนาจของกลุ่มที่ว่านี้ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการของศาลยุติธรรม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดก็กลับมา ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย ซึ่งตนจะยอมรับตามกฎหมาย บ้านเมืองก็จะอยู่ได้
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่วุ่น ถ้าอยู่บนกฎหมายไม่วุ่น ถ้าไม่อยู่ตามกฎหมาย หรือ ตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น สังคมจะเป็นผู้พิจารณาเอง ไม่ใช่กลุ่มใดจะมาทำ
**ยังไม่ตัดสินใจเรื่องเอกสารจริง-ปลอม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวถึง กรณีหากเป็นเอกสารลับที่นายสมัครนำมาเปิดเผย เป็นฉบับปลอม จะดำเนินการอย่างไร ว่า มีมุมมองสองด้านกำลังชั่งน้ำหนักกันอยู่ หลายฝ่ายระบุว่า อาจต้องดำเนินการในกรอบของกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมว่า สิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ ขณะเดียวกันบางส่วนให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างมีความสับสนในข้อมูลข่าวสารพอสมควร ขอให้คนไทยมีสมาธิกับการเลือกตั้งจะดีกว่า และเป็นในช่วงเฉลิมฉลอง 80 พรรษา คมช. ยังไม่ได้ข้อตกลงว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นได้มีความคิดลักษณะนี้ ซึ่งต้องหารือกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จุดยืน คมช. ชัดเจนว่า จะไม่พูดถึงว่า เป็นเอกสารฉบับจริง หรือมีบางส่วนปลอมแปลงในบางประเด็น กตต.ได้วิเคราะห์ตามภารกิจหน้าที่ที่จะมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่ประเด็นที่ คมช. กังวลคือ เรื่องของการผิดกฎหมายหรือไม่ผิด ซึ่งมีเงื่อนไขในเรื่องของเวลาเป็นตัวกำหนด คมช.จึงได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง กกต.
"หากถามถึงความเป็นกลางทางการเมือง โดยเอาปัจจัยเวลามาเป็นตัวตั้ง ก่อนกฏหมายเลือกตั้งออกมาบังคับใช้ ถามกี่ครั้งก็บอกแน่นอนว่า ไม่เป็นกลางทางการเมือง เป็นกลางได้อย่างไรเพราะไปยึดอำนาจเขามา เมื่อเราพยายามต่อต้านอำนาจทั้งหลาย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ไม่เป็นกลางทางการเมืองแน่นอน แต่หลังจากกฎหมายเลือกตั้งได้ประกาศออกมาแล้ว ตามระเบียบทางราชการถือว่า เขาเอานโยบายคำสั่งผู้บังคับบัญชา ข้อระเบียบต่างๆ ที่ควรปฏิบัติครั้งล่าสุด แล้วค่อยยุติบทบาทในเรื่องการดำเนินการ เพื่อให้เป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง สามารถสังเกตและสัมผัสได้ หลังจากมีกฎหมายเลือกตั้งออกมา คมช. ไม่ได้พยายามเคลื่อนไหวอะไร เราชี้แจง กกต.ไปในลักษณะอย่างนี้" โฆษก คมช.กล่าว
เมื่อถามว่า คมช.จะฟ้องร้องหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การฟ้องร้องยังไม่ตกผลึก ระหว่างความคิดสองประการ คือ หากฟ้องแล้วต้องให้นึกถึงความวุ่นวายของบ้านเมืองในปัจจุบัน ยังชั่งน้ำหนักกันอยู่ ยังไม่ตกลงใจ
**เตือนเลิกหาเสียงโจมตีป๋าเปรม
เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวพาดพิงถึง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ คมช. แสดงความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ที่มีการเคลื่อนไหวต่างๆ ก็มีลักษณะคล้ายทำนองนี้ เราชี้แจงไปแล้วว่า ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการเมือง ท่านเป็นประธานองคมนตรี ถือว่ามากเกินไปแล้วที่พูดและพาดพิงถึง
ส่วน คมช.จะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่พาดพิงประธานองคมนตรี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เท่าที่ฟังดูไม่ได้พูดหรือระบุชื่อชัดเจนว่าเป็น พล.อ.เปรม เพียงแต่พาดพิงถึงในลักษณะที่คนฟังดูแล้วพอจะรู้ได้ว่าเป็นท่าน อยากขอร้องพรรคการเมืองที่ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ใครจะหาเสียงอะไรก็ว่ากันไป อย่าแย่งพื้นที่ข่าว หรือพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทางที่เสียหาย เพราะเป็นการเมืองในรูปแบบเก่า ควรเสนอนโยบายในสิ่งที่ดี และประชาชนตกลงใจได้ว่าจะเลือกใคร
** คาด 12 ธ.ค. สามารถสรุปได้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า กกต.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องเอกสารลับ เนื่องจากฝ่ายคมช. ได้ขอเลื่อนการชี้แจงเป็นวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งทาง คมช.ยื่นยันว่าจะนำเอกสารลับฉบับจริงมาชี้แจง และประธาน คมช.จะมอบอำนาจให้ พล.อ. สมเจตต์ บุญถนอม เลขาธิการสำนักงานคมช. มาชี้แจง ซึ่งทาง กกต.ได้ขอไปว่า ขอให้เป็นตัวแทนที่มีอำนาจในการที่จะชี้แจง และสามารถแถลงข่าวแทนได้ด้วย ซึ่งภายหลังการชี้แจงของคมช. พร้อมเอกสารตัวจริงแล้ว ก็คาดว่าจะสามารถสรุปผลการวินิจฉัยได้ในวันถัดไป
"ในการพิจารณา กกต.จะดูว่า กกต.มีอำนาจในการพิจารณา และวินิจฉัยหรือไม่ เพราะทางคมช. แจ้งว่า คมช.มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว โดยมีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 7/2549 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 รองรับ แต่กกต.ก็มีอำนาจในการดูแลการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 จึงมีปัญหาว่า กกต.จะมีอำนาจสามารถตรวจสอบองค์กรที่รักษาความมั่นคง หรือไม่ ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณา เพราะอาจเข้าข่ายมาตรา 113 และ มาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และจะต้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดหรือไม่"
**หากเอกสารปลอมย่อมมีความผิด
เมื่อถามว่า นายสุพลในฐานะประธาน กก.สอบสวน ระบุว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องดูเอกสารตัวจริงแล้ว นางสดศรี กล่าวว่า ในการพิจารณา ทางกรรมการสอบสวนไม่สามารถชี้ได้ว่า มีเอกสารตัวจริงหรือไม่ แต่ไปชี้จากสำเนา ซึ่งกรณีของศาลจะต้องพิจารณาจากเอกสารตัวจริง เมื่อไม่มีตัวจริง ก็ไม่น่าจะชี้ออกมาได้ ยกเว้นว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าเป็นสำเนาที่ถูกต้อง ซึ่งในการชี้แจงทาง คมช.ก็ไม่ได้บอกว่า เอกสารที่พรรคพลังประชาชนออกมาร้อง เป็นเอกสารที่ถูกต้อง ส่วนกรณีพรรคพลังประชาชน จะยอมรับเอกสารว่าเป็นสำเนาจากของจริงหรือไม่ ในเรื่องนี้ กก.ไม่ได้ชี้ไว้ ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนายสุพล นั้น เป็นการพิจารณาที่มองว่า ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง และมองว่า ทหารก็คือข้าราชการตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งในการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนที่ผ่านมา กกต.ก็ให้เกียรติท่านในการสอบสวน แต่ผลที่ออกมาถือว่า เป็นดุลพินิจของกรรมการ ทางกกต. ก็จะมีดุลพินิจของกกต. ออกมา
เมื่อถามว่ากกต.จะต้องดูด้วยหรือไม่ว่า มีการปลอมแปลงเอกสารในชั้นไหน และผู้ปลอมแปลงต้องรับผิดอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ถ้านำเอาเอกสารเท็จมาใช้ และทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด ก็ถือว่าเป็นความผิด ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่จะต้องพิจารณาจากเอกสารและเรื่องทั้งหมดก่อน
**เรียก 3 ผู้สมัครพปช.เขต 3 โคราชชี้แจง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องการเตรียมจ่ายเงินค่าขนคนมาฟังปราศรัยหาเสียงที่ อ.พระทองคำ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา ตามที่กกต.ได้ให้ทีมสืบสวนสอบสวนจากส่วนกลางลงไปสอบเพิ่มเติม ซึ่งกกต. มีมติให้มีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้สมัครพรรคพลังประชาชน 3 คนประกอบด้วย 1. นายประเสริญ จันทรรวงทอง หมายเลข 10 นางลินดา เชิดชัย หมายเลข 11 และนายบุญเลิศ ครุฑขุนทด หมายเลข 12 มาชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. เพราะขณะนี้กกต.ถือว่า เรื่องดังกล่าวมีมูล จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เงินที่มีการยึดมานั้นมีการเตรียมไว้ซื้อเสียงหรือไม่ โดยเอกสารหลักฐานที่ได้มามันสอดรับกันแล้ว แม้จะไม่มีการยืนยันจากชาวบ้านว่าได้รับเงินดังกล่าวก็ตาม แต่เงินที่พบมีการนำติดไว้กับปฏิทินที่มีชื่อของผู้สมัคร และมีบัญชีรายชื่อประชาชนในหมู่บ้าน ซึ่งการเชิญมาไม่ได้ให้มารับฟังข้อกล่าวหา แต่เป็นการให้มาชี้แจงว่า ปฏิทิน แนะนำตัวเป็นของผู้สมัครจริงหรือไม่ และมีการหนีบเงินไปหรือเปล่า ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยกกต. จะพิจารณาให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้ง