ซีอาร์ซีพร้อมควักเงิน 1,000 ล้านบาทโกอินเตอร์ คาดสิ้นปี 2548 เห็นภาพชัดเจน อย่างน้อย 2 สาขา ย้ำลงทุนเอง 100% เน้นเทคโอเวอร์ค้าปลีกเดิม ด้านตลาดในประเทศงัดนโยบายดึงทุกธุรกิจในเครือออกสร้างแบรนด์ ตั้งซีอาร์เอ็มกลางบริหารข้อมูลลูกค้าทั้งเครือ
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า แผนการลงทุนในตลาดต่างประเทศของกลุ่มซีอาร์ซีในปีนี้จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากปี2547 ที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมแผนงานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านบุคลากร ระบบการบริหารงาน รวมถึงเม็ดเงินลงทุนสำหรับตลาดต่างประเทศที่วางไว้เบื้องต้น 1,000 ล้านบาท จากสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4,000-5,000 ล้านบาท
ประเทศที่ซีอาร์ซีสนใจและมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าลงทุนมีด้วยกัน 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยคาดว่าภายในปลายปีนี้จะมีธุรกิจในต่างประเทศได้อย่างน้อย 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มการเจรจาแล้ว โดยมองว่าประเทศเวียดนามมีความเป็นไปมากที่สุด เพราะบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่ซีอาร์ซีถือหุ้นอยู่ 22-23% นั้นได้เปิดสาขาที่ประเทศเวียดนามแล้ว รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย เพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่
การลงทุนที่จะเกิดขึ้นบริษัทวางเป้าหมายที่จะลงทุนเองทั้งหมด 100% ซึ่งอาจจะทำได้ทั้งรูปแบบการเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าในประเทศนั้นๆ หรือค้าปลีกที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง
ขณะที่ตลาดในประเทศปี 2548 ซีอาร์ซีมีนโนบายที่จะให้แต่ละหน่วยธุรกิจในเครือ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเพาเวอร์บาย, ร้านเครื่องจำหน่ายกีฬาซูเปอร์สปอร์ต, ร้านหนังสือเครื่องเขียนบีทูเอส, ร้านจำหน่ายอุปกรณ์แต่งบ้านโฮมเวิร์ค, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น ออกมาสร้างแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้มากขึ้น
“ที่ผ่านมาแต่ละหน่วยธุรกิจจะเน้นเรื่องการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเป็นหลัก จึงมองว่าถึงยุคที่แต่ละหน่วยธุรกิจต้องออกมาสร้างแบรนด์แล้ว อาทิ เพาเวอร์บาย เตรียมงบการทำตลาดรวม 100 ล้านบาท เน้นการสร้างแบรนด์, ซูเปอร์สปอร์ต เตรียมงบการตลาดรวม 50 ล้านบาท เน้นการสร้างแบรนด์เช่นกัน”
นอกจากนี้ เมื่อต้นปีนี้บริษัทได้จัดตั้งหน่วยงานสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ ซีอาร์เอ็มกลางขึ้นมา เพื่อบริหารข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลของกันได้ โดยจะมีการลงทุนในส่วนของซอฟต์แวร์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับปัจจัยลบต่างๆ อาทิ ราคาน้ำมัน เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือ เพราะผู้บริโภคต้องจับจ่ายซื้อสินค้า โดยซีอาร์ซีตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตใกล้เคียงจากทุกปีที่ผ่านมา คือ 12-13% แต่คาดว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคกับสินค้าราคาสูงมากกว่า อาทิ รถยนต์
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า แผนการลงทุนในตลาดต่างประเทศของกลุ่มซีอาร์ซีในปีนี้จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากปี2547 ที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมแผนงานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านบุคลากร ระบบการบริหารงาน รวมถึงเม็ดเงินลงทุนสำหรับตลาดต่างประเทศที่วางไว้เบื้องต้น 1,000 ล้านบาท จากสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4,000-5,000 ล้านบาท
ประเทศที่ซีอาร์ซีสนใจและมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าลงทุนมีด้วยกัน 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยคาดว่าภายในปลายปีนี้จะมีธุรกิจในต่างประเทศได้อย่างน้อย 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มการเจรจาแล้ว โดยมองว่าประเทศเวียดนามมีความเป็นไปมากที่สุด เพราะบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่ซีอาร์ซีถือหุ้นอยู่ 22-23% นั้นได้เปิดสาขาที่ประเทศเวียดนามแล้ว รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย เพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่
การลงทุนที่จะเกิดขึ้นบริษัทวางเป้าหมายที่จะลงทุนเองทั้งหมด 100% ซึ่งอาจจะทำได้ทั้งรูปแบบการเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าในประเทศนั้นๆ หรือค้าปลีกที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง
ขณะที่ตลาดในประเทศปี 2548 ซีอาร์ซีมีนโนบายที่จะให้แต่ละหน่วยธุรกิจในเครือ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเพาเวอร์บาย, ร้านเครื่องจำหน่ายกีฬาซูเปอร์สปอร์ต, ร้านหนังสือเครื่องเขียนบีทูเอส, ร้านจำหน่ายอุปกรณ์แต่งบ้านโฮมเวิร์ค, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น ออกมาสร้างแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้มากขึ้น
“ที่ผ่านมาแต่ละหน่วยธุรกิจจะเน้นเรื่องการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเป็นหลัก จึงมองว่าถึงยุคที่แต่ละหน่วยธุรกิจต้องออกมาสร้างแบรนด์แล้ว อาทิ เพาเวอร์บาย เตรียมงบการทำตลาดรวม 100 ล้านบาท เน้นการสร้างแบรนด์, ซูเปอร์สปอร์ต เตรียมงบการตลาดรวม 50 ล้านบาท เน้นการสร้างแบรนด์เช่นกัน”
นอกจากนี้ เมื่อต้นปีนี้บริษัทได้จัดตั้งหน่วยงานสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ ซีอาร์เอ็มกลางขึ้นมา เพื่อบริหารข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลของกันได้ โดยจะมีการลงทุนในส่วนของซอฟต์แวร์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับปัจจัยลบต่างๆ อาทิ ราคาน้ำมัน เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือ เพราะผู้บริโภคต้องจับจ่ายซื้อสินค้า โดยซีอาร์ซีตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตใกล้เคียงจากทุกปีที่ผ่านมา คือ 12-13% แต่คาดว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคกับสินค้าราคาสูงมากกว่า อาทิ รถยนต์