เอเจนซีส์ – มีเหยื่อชาวอินเดียไม่ต่ำกว่า 34 คนเสียชีวิตในไฟไหม้โรงงานผลิตยาในรัฐเตลังคานาวานนี้(30 มิ.ย) ตำรวจแดนภารตะดำเนินคดีฝ่ายบริหาร
บีบีซีของอังกฤษรายงานวันอังคาร(1 ก.ค)ว่า ระเบิดครั้งร้ายแรงเกิดขึ้นในช่วงเวลาทำงานในวันจันทร์(30 มิ.ย)ที่ยูนิตของ Sigachi Industries ส่งผลทำให้มีคนบาดเจ็บไม่กี่คนและอยู่ในอาการขั้นวิกฤต
Paritosh Pankaj ตำรวจพื้นที่ระดับสูงของเขตให้สัมภาษณ์กับสื่อเพรสออฟทรัสต์ว่า “มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึง 31 คนที่ถูกนำร่างออกมาจากซากปรักหักพังและมี 3 คนเสียชีวิตในโรงพยาบาลระหว่างการรักษา”
ทั้งนี้ตำรวจอินเดียได้ดำเนินคดีต่อฝ่ายบริหารของบริษัทยา Sigachi Industries ตามคำฟ้องของลูกชายของเหยื่อ
บริษัทยาอินเดียแถลงว่า ทางบริษัทได้ยุติปฎิบัติการที่โรงงานที่เกิดเหตุเป็นเวลา 90 วันเนื่องมาจากความเสียหายของเครื่องมือและโครงสร้างภายในโรงงาน
“เหตุร้ายนี้ส่งผลต่อการสูญเสียของชีวิตมนุษย์ และอาจมีคนได้รับบาดเจ็บ” รายงานจากแถลงการณ์ของบริษัทยา Sigachi Industries พร้อมเสริมว่า มีคนที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุมีราว 60 คนอยู่ในอาคารระหว่างเกิดระเบิดนำไปสู่การถล่มของโรงงานทั้งหมด
บีบีซีรายงานว่ามีแรงงานเป็นจำนวนมากเป็นแรงงานที่มาจากนอกรัฐเตลังคานาซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานยาได้แก่ รัฐฌาร์ขันท์ รัฐโอริสสา รัฐพิหาร รัฐอุตตรประเทศ รัฐแบงกอลตะวันตกในทางเหนือและทางตะวันออกของประเทศ
ยูนิตที่เกิดเหตุผลิต ไมโครคริสตัลไลน์เซลลูโลส (microcrystalline cellulose) ซึ่งเป็นเอเจนต์ตัวประสานที่มักใช้ในการผลิตยา เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมอาหาร
เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดับสูงได้เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์อินเดียเอ็กซเพรสว่า “แรงดันดูเหมือนจะเกิดขึ้นระหว่างพนักงานกำลังควบคุมเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย (Spray Dryer)”
และเสริมต่อว่า “ฝุ่นละเอียดของอนุภาคสารเคมีเร่งการระเบิดและหลังจากนั้นทำให้เกิดไฟไหม้”
มีเหยื่อไม่ต่ำกว่า 25 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงที่มีอาการบาดเจ็บไฟลวกแตกต่างออกไปรวมไปถึงการบาดเจ็บอื่น และมีเป็นจำนวนมากได้สูดควันไฟสารพิษเข้าไป
สื่ออังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเก็บกู้ซากปรักหักพังที่จุดเกิดเหตุได้เปิดเผยกับสำนักข่าว ANI ของอินเดียว่า ในเวลานี้ยังไม่แน่ใจว่ามีอีกเป็นจำนวนมากเท่าใดที่ยังคงติดอยู่ใต้ซากโรงงานยาถล่มหลังไฟไหม้
โดยชี้ว่าหลังจากที่เข้าเก็บกู้สิ่งกีดขวางออกไปแล้วจึงจะสามารถประเมินได้ว่ายังคงมีศพหลงเหลืออยู่ที่จุดเกิดเหตุหรือไม่ ซึ่งต้องมีการตรวจ DNA ทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อบ่งบอกเอกลักษณ์บุคคลของผู้ตายเนื่องมาจากศพอยู่ในสภาพโดนเผาจนเป็นตอตะโกจนไม่สามารถจำได้
นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ได้ออกมาแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียพร้อมกันนั้นประกาศเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน 200,000 รูปี (2,336 ดอลลาร์) ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และอีก 50,000 รูปีให้กับผู้บาดเจ็บ